‘ยะใส’ ชี้ฉากทัศน์ครม.ใหม่ วันแรกเต็มไปด้วย ‘ความเวทนา’ มากกว่า ‘ความหวัง’
ดร.สุริยะใส วิเคราะห์ฉากทัศน์ ครม.ใหม่ วันแรกเต็มไปด้วยความน่าเวทนา ไม่ใช่ความหวัง ชี้รัฐมนตรีต้องรีบไปนับองค์ประชุม สะท้อนอำนาจอ่อนแอ รัฐบาลเสียงไม่มั่นคง เสี่ยงเข้าสู่สุญญากาศทางการเมืองทุกเมื่อ
3 กรกฎาคม 2568 - ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กว่าวันแรกของ ครม.ใหม่ สะท้อนความอ่อนแอของอำนาจ ไม่ใช่พลังของการเปลี่ยนแปลง
เห็นรัฐมนตรีบางคนต้องรีบ ออกจากทำเนียบไป “นับเสียง” ที่รัฐสภา เพื่อให้การประชุมมีองค์ประชุมครบ…
วันแรกของรัฐบาลใหม่ กลับเต็มไปด้วย “ความเวทนา” มากกว่า “ความหวัง”
นี่ไม่ใช่แค่ภาพทางกายภาพ แต่คือ สัญญาณทางการเมือง ว่า
รัฐบาลนี้มีเสียงไม่มั่นคงพอจะขับเคลื่อนประเทศด้วยความมั่นใจและแม้จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับต้องใช้ “พฤติกรรมทางการเมือง” แบบรัฐบาลเสียงข้างน้อย
นี่คือฉากทัศน์การเมืองไทยภายใต้ ครม.ชุดนี้
1. รัฐบาลจะเข้าสู่โหมด “ประคองตัว” ตั้งแต่วันแรกการผลักดันกฎหมายหรือโยบายสำคัญจะไม่ง่ายอีกต่อไป เพราะเสียงไม่แน่น สัญญาไม่ชัด และพรรคร่วมบางพรรคอาจพร้อม “พลิกขั้ว” ได้ทุกเมื่อ
2. ฝ่ายค้านมีแต้มต่อในเกมสภา
หากฝ่ายค้านจัดทัพดี ๆ เลือกจังหวะอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือยื่นวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างแม่นยำรัฐบาลนี้อาจอยู่ไม่ถึงกลางเทอม
3. ความชอบธรรมทางสังคมจะลดลงเรื่อย ๆยิ่งภาพ “เก้าอี้ รมต.” ถูกใช้เพื่อวางตัวกันเอง สลับตำแหน่งแบบไร้วิสัยทัศน์ยิ่งทำให้คนรุ่นใหม่ และภาคประชาชนถอยห่างจากการเมือง
พร้อมตั้งคำถามว่า “พวกคุณทำเพื่อใคร“
4. สุญญากาศทางการเมืองอาจจะกลับมาเร็ว หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้แพทองธารหยุดหรือพ้นจากตำแหน่ง
ขณะที่รัฐบาลยังมีเสียงไม่พอจะโหวตเลือกนายกฯ ใหม่ได้ง่าย ๆ
ประเทศจะเข้าสู่ภาวะสุญญากาศจริง ทั้งอำนาจบริหารและศรัทธาประชาชน
บทสรุปในวันแรกของ ครม.ใหม่
ไม่ใช่การเริ่มต้นของความหวัง แต่คือการเดินเข้าสู่ “โหมดประคองตัว” ท่ามกลางแรงกดดันรอบทิศ และเมื่ออำนาจต้องคอยระแวดระวังความชอบธรรมทางการเมืองไทยก็จะไม่เหลือพลังในการพาประเทศเดินหน้าอีกต่อไป
สุดท้ายของการประชุมสภาในวันแรกประธาน ต้องชิงปิดสภาหนี เอวัง ด้วยประการฉะนี้.