ลัมโบร์กินี ขายไฮบริดทุกรุ่น ดันยอดทะลุ 1 หมื่นคัน เลื่อนแผน EV ถึงปี 2029
ภายหลังจาก ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ปิดยอดขายปี 2024 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 10,167 คัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2023 และปีนี้ยังมีโอกาสทุบสถิติอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์ในไตรมาสแรกสดใส สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจโลก และความปั่นป่วนจากภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งยอดขายค่ายกระทิงดุ 30% มาจากตลาดสหรัฐอเมริกา
ลัมโบร์กินี ทำยอดขายไตรมาสแรกปี 2025 ได้ 2,967 คัน มีรายได้รวม 895.2 ล้านยูโร (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 29.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024
โดยประเทศที่มียอดขายสูงสุดคือสหรัฐอเมริกา 933 คัน ตามด้วยเยอรมนี 366 คัน สหราชอาณาจักร 272 คัน ญี่ปุ่น 187 คัน อิตาลี 143 คัน เกาหลีใต้ 134 คัน ตะวันออกกลาง 104 คัน สวิตเซอร์แลนด์ 95 คัน ออสเตรเลีย 85 คัน และฝรั่งเศส/โมนาโก (76 คัน)
นายสเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เปิดเผยในโอกาสมาร่วมงานเปิดตัว Lamborghini Temerario ที่เมืองไทยว่า จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนแต่ความต้องการรถยนต์ลัมโบร์กินี ยังสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเทศไทย มียอดขายเป็นอันดับ 7 ในตลาดเอเชียแปซิฟิก แม้จะเป็นตลาดที่ค่อนข้างเล็กแต่มีกำลังซื้อสูง พร้อมทำส่วนแบ่งการตลาดในเซกเมนต์นี้ได้ดี
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Lamborghini Temerario ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยพลังงานอันมีชีวิตชีวา และได้ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งนี้ไปพร้อมกับกลุ่มคนผู้รักลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง”
นายวิงเคิลมันน์ กล่าวว่า คำว่า Made in Italy มีความหมายเสมอ ด้วยการผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับงานฝีมือชั้นสูง ในปัจจุบันรถยนต์ทุกรุ่นมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาร่วมขับเคลื่อน(ปลั๊ก-อินไฮบริด) แต่ยังมีสมรรถนะโดดเด่น เสียงเครื่องยนต์เร้าใจ เพื่อรักษาความคาดหวังในสิ่งที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์เอาไว้
“แน่นอนว่า เทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก คือ รถพลังงานไฟฟ้า EV ที่เราขยับแผนงานออกไปอีกหนึ่งปี รวมถึงเทรนด์ดิจิทัล และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่เรายังไม่ได้โฟกัสมากนัก ตลอดจนความท้าทายจากการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการทำธุรกิจ”
อุตสาหกรรมยานยนต์เคยผ่านวิกฤตระดับโลกมาหลายครั้ง ทั้งโรคระบาด(โควิด-19) ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน สงครามในหลายพื้นที่ และในปัจจุบันเศรษฐกิจยังผันผวน รวมถึงนโยบายภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้โลกเกิดความไม่แน่นอน ซึ่งลัมโบร์กินี จะมีความเคลื่อนไหวประกาศเพิ่มเติมในเดือนกรกฎาคมนี้
ดังนั้น เราต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง ซึ่งลัมโบร์กินี เราผลิตรถน้อยกว่าความต้องการตลาดเสมอ และด้วยขั้นตอนปกติ เมื่อลูกค้าสั่งรถแล้ว อาจจะต้องรอถึง 18 เดือน นั่นทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการวางแผนส่งมอบรถ โดยโยกหรือสลับซัพพลายไปยังตลาดอื่นๆ ได้
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก จากภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงและมาตรการกีดกันทางการค้า ลัมโบร์กินีต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรอดูอีก 6 เดือนข้างหน้าว่า จะมีแรงกระแทกอย่างไร” นายวิงเคิลมันน์ กล่าวสรุป
สำหรับซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด Lamborghini Temerario ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 920 แรงม้า เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อินไฮบริด รุ่นที่ 3 ของค่าย ต่อจาก Revuelto เครื่องยนต์ V12 และเอสยูวี Urus SE เครื่องยนต์ V8
เรนาสโซ มอเตอร์ ผู้จำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ 23.76 ล้านบาท