มะเขือเทศเก็บได้นานแค่ไหน? เผยวิธีเก็บแต่ละแบบ และเคล็ดลับยืดอายุให้นานขึ้น
“มะเขือเทศ" เก็บได้นานแค่ไหน? เว็บไซต์ grape Japan แนะนำวิธีเก็บแต่ละแบบ และเคล็ดลับยืดอายุให้นานขึ้น
คุณเคยมีประสบการณ์ “มะเขือเทศที่เก็บไว้เสีย” หรือไม่?
อายุการเก็บของมะเขือเทศจะแตกต่างกันไปตามวิธีเก็บ ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิห้อง, แช่เย็น, หรือ แช่แข็ง ดังนั้นหากต้องการคงความสด จำเป็นต้องรู้วิธีเก็บที่เหมาะสมสำหรับแต่ละแบบ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก อายุการเก็บของมะเขือเทศในแต่ละสภาพการเก็บ, วิธีเก็บที่ถูกต้อง, และ วิธีสังเกตว่ามะเขือเทศเน่าเสียจนกินไม่ได้
เรียนรู้เคล็ดลับยืดอายุมะเขือเทศ เพื่อให้สามารถใช้มะเขือเทศได้อร่อยและปลอดภัยจนหมดทุกลูก
อายุการเก็บมะเขือเทศตามวิธีเก็บ
มะเขือเทศมีอายุการเก็บแตกต่างกันตามสภาพการเก็บ เช่น อุณหภูมิห้อง, แช่เย็น, หรือ แช่แข็ง โดยประมาณ ดังนี้
เก็บที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 1 สัปดาห์ (ยกเว้นช่วงฤดูร้อน)
เก็บในตู้เย็น: ประมาณ 7–10 วัน
แช่แข็ง: ประมาณ 1 เดือน
หมายเหตุ: สำหรับมะเขือเทศที่ขายตามท้องตลาด มักไม่ได้ระบุวันหมดอายุชัดเจน ดังนั้นระยะเวลาข้างต้นถือเป็นแนวทางประมาณการเท่านั้น
เนื่องจากอายุการเก็บของมะเขือเทศเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและสภาพการเก็บ จึงควรสังเกตและรับประทานเมื่อยังสดอยู่
นอกจากนี้ การควบคุมอุณหภูมิ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเก็บมะเขือเทศ อุณหภูมิที่เหมาะสมแตกต่างกันตามระดับความสุก
มะเขือเทศสุกสีแดง: เหมาะกับอุณหภูมิราว 10°C
มะเขือเทศยังไม่สุกสีเขียว: เหมาะกับอุณหภูมิ 15–25°C เพื่อให้สุกต่อ
หากเก็บในอุณหภูมิสูงเกินไป มะเขือเทศจะเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเก็บที่อุณหภูมิห้องในช่วงฤดูร้อนหรือเมื่ออากาศร้อนจัด
อายุการเก็บมะเขือเทศหั่นแล้ว
มะเขือเทศที่หั่นแล้วและเก็บในตู้เย็น สามารถเก็บได้ประมาณ 2 วัน
เนื่องจากเนื้อมะเขือเทศสัมผัสอากาศง่าย ทำให้แห้งเร็ว จึงควรห่อด้วยพลาสติกให้แน่น เพื่อปิดไม่ให้ส่วนที่หั่นออกโดนอากาศ จากนั้นเก็บในตู้เย็น
นอกจากนี้ มะเขือเทศหั่นแล้วเน่าเสียง่าย แม้ยังไม่ครบ 2 วันก็ควรรีบใช้ให้หมดเพื่อความสดและปลอดภัย
เพื่อยืดอายุมะเขือเทศ ควรเข้าใจลักษณะการเก็บแต่ละวิธีอย่างถูกต้อง
วิธีเก็บมะเขือเทศที่อุณหภูมิห้อง, แช่เย็น และแช่แข็ง
ซึ่งคุณสามารถนำไปปฏิบัติได้ดังนี้
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง
ขั้นตอนการเก็บมะเขือเทศ มีดังนี้
ห่อมะเขือเทศแต่ละลูกด้วยกระดาษทิชชู่หรือหนังสือพิมพ์
วางโดยให้ก้านอยู่ด้านล่าง เก็บในที่มืดและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
เนื้อมะเขือเทศนิ่มและเป็นรอยง่าย ดังนั้นควรห่อแยกแต่ละลูก เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับ ช่วยรักษาความสดได้นานขึ้น
เหตุผลที่วางก้านด้านล่าง เพราะเนื้อมะเขือเทศใกล้ก้านแข็งและมั่นคงกว่า หากวางก้านด้านบน น้ำหนักตัวมะเขือเทศอาจทำให้บุบได้ง่าย
ในการเก็บที่อุณหภูมิห้อง ควรสังเกตความสุกและอุณหภูมิ ของมะเขือเทศ
มะเขือเทศสุกสีแดง: เหมาะกับอุณหภูมิราว 10°C
มะเขือเทศยังไม่สุกสีเขียว: เหมาะกับอุณหภูมิ 15–25°C เพื่อให้สุกต่อ
หากไม่มีวัตถุประสงค์จะกินมะเขือเทศสุกทันที หรือเร่งให้มะเขือเทศยังไม่สุกสุกต่อ การเก็บในตู้เย็นหรือแช่แข็ง จะปลอดภัยและยืดอายุได้นานกว่า
- การเก็บมะเขือเทศในตู้เย็น
ขั้นตอนการเก็บมะเขือเทศในตู้เย็น มีดังนี้
ห่อมะเขือเทศแต่ละลูกด้วยกระดาษทิชชูหรือหนังสือพิมพ์
ใส่ถุงพลาสติก เพื่อป้องกันความแห้ง
วางก้านด้านล่าง เก็บในช่องผักที่อุณหภูมิประมาณ 10°C
ควรระวังไม่ให้มะเขือเทศเย็นเกินไป เพราะจะเกิดอาการเสียจากความเย็น ทำให้เนื้อและรสชาติด้อยลง
หากตู้เย็นมีช่องผัก แนะนำเก็บที่นั่นเพราะอุณหภูมิไม่เย็นจัด
หากไม่มีช่องผัก ให้วางห่างจากช่องลมเย็นตรง เพื่อป้องกันเย็นเกินไป
สำหรับมะเขือเทศหั่นแล้ว ควรห่อด้วยพลาสติกแน่น ๆ เพื่อป้องกันการแห้ง และเก็บในตู้เย็นเช่นกัน
- การเก็บมะเขือเทศแช่แข็ง
มะเขือเทศสามารถเก็บในช่องแช่แข็งได้นานประมาณ 1 เดือน เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่สามารถใช้หมดทันที
สามารถเก็บได้ทั้งลูกเต็ม หรือหั่นแล้ว โดยวิธีเก็บแต่ละแบบดังนี้
เก็บเป็นลูกเต็ม
ล้างมะเขือเทศด้วยน้ำและเช็ดให้แห้งสนิท
คว้านก้านออก
ใส่ในถุงสำหรับแช่แข็ง แล้วเก็บในช่องแช่แข็ง
เก็บมะเขือเทศแบบหั่นแช่แข็ง
ล้างมะเขือเทศและเช็ดให้แห้ง จากนั้นคว้านก้านออกแล้วหั่นเป็นขนาดที่ต้องการ
ใส่มะเขือเทศลงในถุงสำหรับแช่แข็ง โดยจัดให้ไม่ซ้อนทับกัน เพื่อให้แช่แข็งได้ทั่วถึง
รีดอากาศออกจากถุงให้มากที่สุด แล้วปิดให้สนิท
วางถุงบนถาดโลหะ ก่อนนำเข้าช่องแช่แข็ง เพื่อช่วยให้เย็นตัวเร็วและคงคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น
การวางมะเขือเทศบนถาดโลหะ จะช่วยให้ความเย็นกระจายเร็วขึ้น ทำให้เวลาแช่แข็งสั้นลงและคงความสดได้ดีกว่า หากไม่มีถาดโลหะ สามารถใช้ฟอยล์อลูมิเนียมห่อแทนได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะแช่แข็งทั้งลูกหรือหั่นแล้ว อายุการเก็บจะเท่ากัน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมตามพื้นที่ในช่องแช่แข็งและการใช้งาน
อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศแช่แข็งไม่เหมาะสำหรับกินสด เพราะเมื่อละลายจะมีน้ำออกและเนื้อสัมผัสเปลี่ยน แนะนำให้ใช้ทำซอสมะเขือเทศ, ตุ๋น หรือปรุงอาหารที่ต้องปรุงสุกจะเหมาะสมที่สุด
วิธีสังเกตมะเขือเทศที่หมดอายุหรือเน่าเสีย
แม้จะคิดว่าจัดเก็บอย่างถูกต้องแล้ว แต่มะเขือเทศก็อาจเน่าเสียได้ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ วิธีเก็บ และระยะเวลาในการเก็บ
เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานโดยไม่ตั้งใจ แนะนำ 3 เกณฑ์หลักในการสังเกตมะเขือเทศที่เสีย
สังเกตจากลักษณะภายนอก
มะเขือเทศที่เริ่มเน่าเสียสามารถสังเกตได้จากลักษณะผิวภายนอก
มะเขือเทศที่ ผิวหมอง ไม่มีความเงา หรือมีริ้วรอยเหี่ยวย่น แสดงว่าคุณภาพเริ่มลดลง แต่ยังไม่ถึงขั้นเน่าเสีย อาจยังรับประทานได้
หากกังวล สามารถ หั่นเพื่อตรวจด้านใน ก่อนรับประทาน
แม้ภายนอกดูปกติ แต่หากรู้สึก ไม่มั่นใจจะกินสด แนะนำให้ใช้ ปรุงสุก จะปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม หากมะเขือเทศมีอาการเน่าหรือราขึ้น ควรทิ้งทันที
มีราขึ้นบนผิว
สีเปลี่ยนเป็นดำหรือน้ำตาล
ผิวเหนียวผิดปกติ
เปลือกแตก น้ำด้านในไหลออกมา
ส่วนที่ใกล้ก้านหรือรอยบุ๋ม มักเน่าเสียง่ายและเป็นจุดที่ราขึ้นได้ง่าย จึงควรตรวจสอบมะเขือเทศเป็นระยะ ๆ ขณะเก็บรักษา
สังเกตจากความรู้สึกเมื่อสัมผัส
การตรวจความสดของมะเขือเทศสามารถทำได้ด้วยการสัมผัสผิวผล
มะเขือเทศสดใหม่จะมีผิวตึง เงา และเนื้อแน่น เมื่อจับให้ความรู้สึกแข็งพอสมควร
มะเขือเทศที่เริ่มเสียจะนิ่มผิดปกติ หรือมีความลื่นเหนียวบนผิว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าภายในเริ่มเสื่อมสภาพและมีน้ำซึมออกมา
หากเพียงนิ่มเล็กน้อยยังอาจรับประทานได้ แต่ควรตรวจสอบทั้งลักษณะภายนอกและกลิ่น และหากรู้สึกไม่มั่นใจ ควรงดรับประทานเพื่อความปลอดภัย
สังเกตจากกลิ่น
มะเขือเทศที่เริ่มเน่าเสียมักสามารถสังเกตได้จากกลิ่น
มะเขือเทศที่เน่าอาจมีกลิ่นเปรี้ยวฉุน หรือเหม็นหมัก
แม้ภายนอกดูปกติ แต่หากกลิ่นผิดปกติเมื่อหยิบขึ้นมา ควรระวัง เพราะอาจมีการเน่าในหรือราขึ้นภายใน
หากได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรทิ้งทันทีเพื่อความปลอดภัย
เข้าใจอายุการเก็บและวิธีเก็บมะเขือเทศ เพื่อใช้ให้หมดอย่างอร่อย
อายุการเก็บของมะเขือเทศแตกต่างกันตามสภาพการเก็บ เช่น อุณหภูมิห้อง, แช่เย็น หรือแช่แข็ง แต่ละวิธีมีวิธีเก็บที่เหมาะสม
ควรให้ความสำคัญกับอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย
แม้ยังอยู่ในระยะเวลาแนะนำ แต่หากสภาพการเก็บไม่ดี มะเขือเทศอาจเริ่มเน่าเสียได้ หากสังเกตความผิดปกติหรือเก็บมานาน ควรตรวจสอบสภาพก่อนรับประทานทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย