เกร็ดงานศิลปะเกี่ยวกับนาวิกโยธิน
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับราชการทหารที่น่าสนใจและสนุกสนานยังมีอีกมาก สมควรจะต้องนำลงบริการคุณผู้อ่านต่อเนื่องในสัปดาห์นี้เช่น ในกรณีการรบป้องกันชายแดนกับกัมพูชาคราวนี้ สถานการณ์ตรงจังหวัดตราดและจันทบุรี หน่วยที่ดูแลรับผิดชอบเป็นทหารเรือ เนื่องเพราะพรมแดนทางทะเลมีอยู่มากพอสมควรตรงบริเวณพื้นที่นั้น
เมื่อประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้แล้วหน่วยที่ปฏิบัติการรบออกหน้า ได้แก่ ทีมนาวิกโยธิน ซึ่งคำว่า นาวิกโยธินนี้ก็เป็นคำที่น่าสนใจ บ้านเราแบ่งทหารออกเป็นสามเหล่าทัพคือทหารบก/ทหารเรือ/ทหารอากาศ ต่างจากฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่กองทัพเขาแบ่งเป็นสี่เหล่าทัพ ทัพที่สี่เรียกว่ามารีน ซึ่งก็คือนาวิกโยธินนี่เอง
หากว่าเดินทางไปสถานทูตอังกฤษแล้วเราพบผู้ทำหน้าที่คุ้มกันรักษาสถานทูตในกางเกงขาสั้น/ขายาวสีกากีใส่หมวกปีกเหน็บมีดมีท่าทีคล้ายลูกเสือ ก็ขออย่าได้ประมาทดูเบา เพราะนั่นเป็นกองกำลังทหารบูรพาซึ่งนับถือกันว่าเป็นนักรบที่เหี้ยมหาญที่สุดในโลก ชื่อว่า ทหารกุรข่า เคยเล่าสู่ท่านฟังแล้วคอลัมน์ไตรภาค ชื่อตอนว่า “กุรข่า: นักรบรับจ้างที่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างผู้ถือหุ้น”
ในเวลาเดียวกัน ทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาก็จะได้รับการคุ้มกันโดยทหารมารีน_นาวิกโยธินของเขานาวิก ก็มาจากคำว่า นาวี คือ เรือ/ทหารเรือคำว่าโยธิน ก็มาจากคำว่า โยธา คือ การเดิน/เดินทัพ
นาวิกโยธิน พูดให้ง่ายเข้าก็คือว่าทหารราบ (เดินทัพทางบก) ของทหารเรือนั่นเอง ลักษณาการที่อาจเห็นได้ชัดขึ้นคือ เป็นฝ่ายทหารบกของกองทัพเรือ คือว่านอกจากจะปฏิบัติการในทะเลในเรือได้แล้วยังสามารถปฏิบัติการบนบกโดยการเดินเท้าเข้าทำการรบ เข้าตียึดหักหาญกวาดล้างต่างๆได้ด้วย หากจะกล่าวว่าเปนผู้ที่สะเทินน้ำสะเทินบกก็ไม่ผิดนัก แต่ถ้าจะพูดว่า ปฏิบัติการทางอากาศได้ด้วย ก็จะถูกต้องกว่า
คำว่า SEAL หรือ หน่วยซีลที่พูดถึงกันว่ามีศักยภาพการทำลายล้างสูงนั้น ที่มามาจากคำว่า SEa - ทะเล / Air - อากาศ / Land - ทางบก นำมาประสมคำรวมเข้าด้วยกัน เปน SE-A-L แปลว่าสามารถทำการรบได้ทั้งสามภูมิประเทศ ซึ่งภาษาของทหารเรือเมื่อเรียกให้ไพเราะแล้วใช้คำว่า น้ำ-ฟ้า-ฝั่ง ปรากฏในงานศิลปะฝ่ายเครื่องหมายติดหน้าอกของหน่วย ใช้โทนสีด้านดำเรียบขรึม
การฝึกต่างๆของหน่วยอย่างหน่วยซีล ของนาวิกโยธิน ที่พูดกันว่าเป็นยอดนักรบที่ต้องอดทนความกดดันสูงมากๆนั้นก็มีหลายๆหลักสูตร โดยเฉพาะการฝึกที่ทรหดมาก ผู้ใดสำเร็จมาได้เครื่องหมายฉลามขาวคู่ ทะยานเหนือเกลียวคลื่น เป็นนักทำลายใต้น้ำจู่โจม
นักรบสะเทินน้ำสะเทินบกในอดีตของไทยเราระดับชั้นบรรพชนที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นต้นแบบของนาวิกโยธิน ก็คือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ด้วยท่านเองนั้นเมื่อครั้งทำการด้วยท่านเองนั้นเมื่อครั้งทำการกอบกู้กรุงศรีอยุธยาสามารถใช้ยุทธการทุบหม้อข้าว จนเข้าเมืองจันทบุรีได้ ท่านได้ตั้งอู่ต่อเรือรบหลายร้อย ลำที่จันทบุรี เพื่อ ลำเลียงทัพยกพลกองเรือตัดอ่าวไทยกลับเข้ามาในพื้นที่การรบ ทุกวันนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนลูกหลานได้เยี่ยมชมศึกษา
จะเห็นว่าท่านสามารถรบได้ทั้งทางบกและทางน้ำขีดความสามารถในการทำลายล้างสูง ในวงการพระเครื่องให้ความนิยมเหรียญรูปไข่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน นาวิกโยธิน (น.ย.) ปี 2518 ซึ่งพลเรือตรี (นาวาโท) วิสัย ปานใจ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมนาวิกโยธิน เวลานั้นจัดสร้างขึ้น ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าตากทรงเงื้อพระแสงดาบ ด้านหลังเป็น
พระมาลาของท่านเก้าอี้ปักพระยี่ก่าขนนกการเวก ลงอักขระ “นะโม วิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา ”
หัวใจคาถาของปริตรยูงทองซึ่งนับถือกันในวงพระป่ากรรมฐานว่าสามารถใช้ภาวนาเพื่อการระเบิดได้ดีผู้ใหญ่ชาวนาวิกโยธินสมัยก่อนได้ริเริ่มเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้นักรบนาวิกโยธินทั้งหลาย ที่ต้องฝ่าด่านทุ่นระเบิดใต้น้ำ กับระเบิดฝังตามแนวชายหาด โดยมีผู้พบประสพการณ์คุ้มภัยมากมาย เหรียญที่เป็นเนื้อทองแดงถือว่ามีจำนวนเหรียญที่ค่อนข้างมาก แต่ที่เป็นทองแดงชุบนิกเกิลเป็นของพิเศษมีจำนวนน้อย น่าสนใจเก็บหา rare item
คำขวัญของนาวิกโยธิน (น.ย.) มีอยู่ว่า “เมื่อ น.ย. เหยียบฝั่งพลันเหตุคับขันจักคลี่คลาย” เป็นสโลแกนเชื่อถือได้และได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด
คำว่า ‘โยธิน’ นี้ยังปรากฏที่กองทัพอากาศ คือ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ซึ่งก็หมายความว่าทหารราบ ของทหารอากาศนั่นเองมักจะคุมพื้นที่ท่าอากาศยานและปฏิบัติการทางบกในราชการฝ่ายทหารอากาศในสนาม เครื่องหมายของหน่วยในสังกัดนาวิกโยธินก็มีศิลปะการออกแบบที่สวยงามและเปี่ยมล้นไปด้วยความหมาย
ขอเชิญนำขอเชิญนำมาให้ท่านชมเช่น อาร์มหัวกะโหลก ใบพายไขว้ ของหน่วยลาดตระเวน น.ย.ในฉากดำ กะโหลกนั้นตาลึกโบ๋จ้องมองมาน่าหวาดหวั่น แถมใส่แว่นตาดำน้ำเสียด้วย! ในทางศิลปะแล้วบอกได้เลยว่าผู้ที่สังกัดตรานี้ ไม่ยี่หระต่อความตาย ไม่ได้มองว่าความตายเป็น อวมงคล คือหมายความว่าพร้อมที่จะตายในการรบ แถมว่าถึงตายแล้วจิตวิญญานยังคงทำหน้าที่ต่อไปไม่หวั่นไหว
ส่วนตราช้างเขียวของกองพันจู่โจมกรมรบพิเศษ ทรงเครื่องศาสตราวุธที่พระที่นั่งกูบ จะเห็นว่าเครื่องศาสตราวุธที่อยู่บนหลังช้างลู่ลมขนานกับตัวช้าง และกิริยาพญาช้างท่านเกรี้ยวกราดขึ้นจากเดิมที่อาวุธจะตั้งขึ้นทำเป็นมุมเกือบฉาก ก็เพราะว่าเป็นลักษณะของช้างที่กำลังเข้าจู่โจมจะต้องลดบรรดาเครื่องสูงลงให้เพรียว จะได้ลู่ลมเข้าประชิดทำการศึกได้เบ็ดเสร็จ
น่าเชื่อว่าต้นแบบของพญาช้างที่นำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยรบต่างๆนั้นคือเจ้าพระยาปราบหงสา ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งบรรดาศักดิ์ก่อนหน้าของท่านคือเจ้าพระยาไชยานุภาพ ได้รับเลื่อนเนื่องจากเป็นผู้อดทนต่อสู้จนพาชัยชนะมาสู่ในสงครามยุทธหัตถี กับสมเด็จพระมหาอุปราชเมืองหงสาวดี
ชาวบ้านเรียกท่านว่าพ่อพลายพุทรากระแทก เพราะครั้งที่รบกันนั้นท่านตัวเล็กกว่าพลายพัทธกอของพระมหาอุปราชา เมื่อออกงัดกันท่านพลาดท่าถูกพลายพัทธกอรุนดันจนต้องถอยหลัง เดชะว่าหลังท่านไปกระแทกเข้ากับต้นพุทราใหญ่ จึงมีจุดหนุนให้ตั้งหลักพลิกเกมส์เข้าต่อสู้จนได้ชัย ซึ่งท่านคงจะต้องเจ็บปวดมากเพราะพุทรานั้นเป็นพืชที่มีหนาม อยู่ตามกิ่งแต่ท่านก็อดทน
ส่วนกรณีที่หน่วยพัน ร.6 กรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธินนี้มีรูปทหารจตุรงคบาทสี่ท่านคุ้มกันรักษาเท้าพญาช้างศึก ก็เป็นที่น่าสนใจว่า ช้างศึกในอดีตนั้นถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่ที่สำคัญ ช้างศึกในอดีตนั้นถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่สำคัญมีจุดอ่อนอยู่ที่ขาหรือที่เท้า หากศัตรูสามารถเข้าประชิดทำหากศัตรูสามารถเข้าประชิดทำอันตรายแก่ขาช้างหรือเท้าช้างได้ก็เป็นอันหมดฤทธิ์
ตามตำนานแล้วจตุรงคบาทผู้รักษาเท้าช้างทั้งสี่นี้ สืบสายตระกูลกันมายาวนาน จนอย่างน้อยถึงในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้า ยามเราท่านเห็นพระองค์ท่านเสด็จไปไหนมาไหนในการพระราชพิธีแล้วมีตำรวจหลวงสี่นายร่วมกระบวนแซงเสด็จอยู่
โดยนุ่งโจงกระเบนกรมท่า เสื้อราชปะแตนขาว สวมหมวกทรงประภาสมียอดปิดหู มักจะถือดาบเปลือยฝักพาดร่องไหล่ เดินกันมาเป็นคู่ๆ ท่านเหล่านี้เองเป็นการจำลองภาพของจาตุรงคบาททั้งสี่ในการเข้าปฎิบัติหน้าที่ถวายการอารักขาเรียกกันว่า ตำรวจหลวง
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาพวกท่านเป็นคนละคนกับตำรวจสวมเครื่องแบบสีกากีที่สังกัดกรมตำรวจกระทรวงมหาดไทย หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายท่านสืบตระกูลมาจากจตุรงคบาทในสมัยโบราณจริงๆ ท่านเหล่านี้เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางเรือ ภารกิจรับเสด็จแซงเสด็จส่งเสด็จของตำรวจหลวงจะเปลี่ยนจากดาบที่พาดร่องไหล่เป็นถือหอกแทน เนื่องจากมีย่านการใช้งานที่ยาวกว่าสามารถใช้ในเรือ และระหว่างเรือที่ค้ำกัน ยันกันได้ดี แต่จะต้องเก็บใบหอกไว้ในฝักไม่เปลือย