เอกอัครราชทูตจีนประจำอินเดีย คัดค้านสหรัฐเก็บภาษีอินเดียสูงถึง 50%
เอกอัครราชทูตจีนประจำอินเดีย ประกาศคัดค้านอย่างแข็งขันต่อมาตรการภาษีของสหรัฐที่เก็บจากอินเดียสูงถึง 50% ย้ำจีน-อินเดียคือเครื่องยนต์คู่ของการเติบโตในเอเชีย
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 12.12 น. สำนักข่าว BBC รายงานว่า สวี เฟยหง เอกอัครราชทูตจีนประจำอินเดีย ระบุว่าจีนคัดค้านอย่างแข็งขันต่อมาตรการขึ้นภาษีสูงของสหรัฐต่อเดลี พร้อมเรียกร้องให้อินเดีย–จีนเพิ่มความร่วมมือ
สวีกล่าวหาสหรัฐว่าเป็นผู้รังแก โดยชี้ว่าสหรัฐได้ประโยชน์จากการค้าเสรีมานาน แต่ปัจจุบันกลับใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อเรียกร้องราคาที่ไม่สมเหตุสมผลจากประเทศอื่น
“สหรัฐได้เก็บภาษีต่ออินเดียสูงถึง 50% และยังขู่จะเก็บเพิ่มอีก จีนคัดค้านอย่างแข็งขัน ความเงียบจะยิ่งทำให้ผู้รังแกได้ใจ” สวีกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
เมื่อต้นเดือน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เพิ่มโทษภาษีอีก 25% ต่ออินเดีย จากการที่อินเดียซื้อน้ำมันและอาวุธจากรัสเซีย ซึ่งนอกเหนือจากภาษี 25% ที่มีอยู่แล้ว อัตราใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้วันที่ 27 สิงหาคม
การที่อินเดียเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบราคาถูกจากรัสเซียหลังสงครามยูเครน ได้สร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์กับสหรัฐ และส่งผลต่อการเจรจาข้อตกลงทางการค้า
อินเดียได้ปกป้องการซื้อพลังงานจากรัสเซีย โดยระบุว่าในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ จำเป็นต้องซื้อในราคาถูกที่สุดเพื่อปกป้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น อีกทั้งยังชี้ว่าสมัยรัฐบาลไบเดน สหรัฐเองก็เคยแนะนำให้อินเดียซื้อน้ำมันรัสเซียเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดโลก
ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการค้าที่เปราะบางกับวอชิงตัน ความสัมพันธ์อินเดีย–จีนกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเคยตกต่ำหลังเหตุปะทะในกัลวาน แคว้นลาดักห์ ปี 2563 แต่หลังจากนั้นจีนแลอินเดียได้ค่อย ๆ เดินหน้าสู่การปรับความสัมพันธ์สู่ภาวะปกติ
เมื่อต้นสัปดาห์หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เดินทางเยือนเดลีเป็นเวลา 2 วัน โดยกล่าวว่าอินเดียและจีนควรมองกันและกันเป็นหุ้นส่วนไม่ใช่ศัตรูหรือภัยคุกคาม
ในวันพฤหัสบดี สวีกล่าวในทำนองเดียวกันในงานที่กรุงนิวเดลี โดยย้ำว่าสองประเทศเป็นเครื่องยนต์คู่ของการเติบโตในเอเชีย และการรวมพลังของอินเดีย–จีนจะเป็นผลดีต่อโลกทั้งใบ
เขายังเชิญชวนให้ธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น พร้อมแสดงความหวังว่ารัฐบาลอินเดียจะจัดหาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นธรรม ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติต่อธุรกิจจีนในอินเดีย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
“ปัจจุบันสงครามภาษีและสงครามการค้ากำลังบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและการค้าของโลก การเมืองเชิงอำนาจและกฎแห่งป่าเป็นสิ่งที่แพร่หลาย กฎเกณฑ์และระเบียบสากลได้รับผลกระทบอย่างหนัก” เขากล่าว โดยพาดพิงถึงมาตรการภาษีของสหรัฐต่ออินเดียและประเทศอื่น ๆ
“จีนจะยืนเคียงข้างอินเดียเพื่อปกป้องระบบการค้าพหุภาคี โดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นแกนกลาง”
ทั้งนี้เขายังระบุด้วยว่าการเยือนจีนของนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ จะเป็นแรงผลักดันใหม่ต่อความสัมพันธ์จีน–อินเดีย
อ้างอิง : bbc.com