ธนารักษ์เปิดตัว “Landlord Sharing” นำที่ราชพัสดุ 10 ล้านไร่ให้เอกชนร่วมพัฒนา นำร่อง รพ.นครพิงค์ ในปี 69
กรมธนารักษ์เปิดตัวตัวโครงการ Landlord Sharing มอบอำนาจส่วนราชการนำที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กว่า 10 ร้านไร่ให้เอกชนร่วมพัฒนาเน้นประโยชน์เชิงสังคม จับมือสาธารณสุขนำร่อง 6 โรงพยาบาล เริ่มที่แรกโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ในปี 2569
22 ส.ค. 2568 ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ แต่กว่า 10 ล้านไร่ อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ โดยบางพื้นที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว
กรมธนารักษ์จึงพลิกบทบาทจาก “ผู้ดูแล” สู่ “ผู้ขับเคลื่อน” ผ่านโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน โดยกรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์มอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุสามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ
“หัวใจสำคัญของโครงการนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ VALUE ที่มุ่ง สร้างคุณค่า (Value Creation) และ แบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น”
โดยในการขับเคลื่อนโครงการ Landlord Sharing กรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่ชัดเจนเพื่อเป็นกรอบการทำงานที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นสนับสนุนโครงการเชิงสังคมที่อยู่ภายใต้ภารกิจตามกฎหมายของหน่วยงาน รวมถึงโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือชุมชนโดยรอบ มีเงื่อนไขสำคัญดังนี้
- เป็นโครงการเชิงสังคมด้านสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
- โครงการต้องเป็นไปตามภารกิจและกฎหมายของส่วนราชการนั้นๆ
- ไม่เป็นโครงการภายใต้กฎหมาย PPP และการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจ
- เปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาโครงการและจัดสรรพื้นที่ตามโครงการให้ส่วนราชการใช้ในราชการ
- ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีตามกฎหมายที่ราชพัสดุและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- นำส่งรายได้จากการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
- มีมาตรการกำกับและควบคุมราคาค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน
- รายงานผลการดำเนินการให้กรมธนารักษ์ทราบทุกไตรมาส
“การมอบอำนาจนี้ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ โดยที่ราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐ ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที”
ดร. เอกนิติ เปิดเผยว่า หนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญคือการผนึกกำลังกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยกระดับบริการแก่ประชาชน โดยเริ่มจากการดำเนิน โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง
โดยโครงการนำร่องมีทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่
- โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
- โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
- โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
- โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
- โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
- โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์
โอกาสนี้กรมธนารักษ์จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกความตกลงเรื่องการมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง ซึ่งการลงนามบันทึกความตกลงในครั้งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของกรมธนารักษ์ในการใช้ที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจด้านสังคมและการให้บริการประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ในปี 2569 จะเริ่มโครงการนำร่องที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สิน 500 ล้านบาท และจะได้รับอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ที่ 3% โดยโรงพยาบาลนครพิงค์จะสามารถเพิ่มจำนวนเตียงได้อีก 60 ห้อง จาก 750 ห้องเป็น 810 ห้อง อัตราการครองเตียงรองรับได้เพิ่มขึ้น 21,900 วัน ขณะที่ยังรองรับรถที่จะเข้ามายังที่จอดรถของโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้นอีก 525คัน
“รูปแบบจะเป็นการเปิดประมูลให้ภาคเอกชนเข้ามาก่อสร้างอาคารแล้วแบ่งพื้นที่ให้ราชการเพื่อนำมาใช้ในการบริการทางการแพทย์ ซึ่งโรงพยาบาลจะเป็นผู้กำหนดในส่วนนี้”
ดร.เอกนิติ กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุเพื่อรองรับโครงการด้านการแพทย์ได้คล่องตัวขึ้น ลดภาระงบประมาณ และเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือที่สามารถขยายผลไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ในอนาคต
“โครงการ Landlord Sharing เป็นหนึ่งในโครงการเรือธง (Flagships) ของกรมธนารักษ์ ตามยุทธศาสตร์ VALUE ที่มุ่งเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน”