รมว.คลัง คาดไทยได้ภาษีสหรัฐฯ ไม่เกิน 20%
รมว.คลัง เผย เจรจาสหรัฐฯ รอบ 2 บรรยากาศดี คาดไทยได้อัตราภาษีเกาะกลุ่มภูมิภาคที่ไม่เกิน 20% ส่วนสินค้าผ่านทางอาจะเป็นอีก 1 อัตรา โดยสหรัฐฯ ให้คำตอบก่อน 1 ส.ค. นี้
18 ก.ค. 2568 เวลา 11.30 น. ที่กระทรวงการคลังนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การหารือเรื่องข้อตกลงภาษีสหรัฐฯ กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) รอบที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศที่ดี โดยใช้เวลาเจรจาประมาณ 30 นาที
“การเจรจาเมื่อคืนนี้เป็นบรรยากาศที่ดี ทางสหรัฐฯ เขาบอกว่าเป็น Very Substantial Improvement โดยคาดว่าทาง USTR จะเสนอเรื่องไปยังผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ ภายในวันนี้ และไทยจะได้คำตอบอัตราภาษีใหม่จากเดิม 36% ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้”
โดยการหารือเป็นการลงในรายละเอียดจากข้อตกลงต่างๆ ที่ไทยได้เจรจามาอย่างต่อเนื่อง และไทยได้ตอบสนองต่อสิ่งที่ต้องการแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี (Tariff) หรือสินค้าผ่านทาง (Transshipment) รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายดังนี้
- เมื่อไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ มากขึ้น หรือซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น ก็ต้องขายสินค้าให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายขนาดเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้นให้ได้
- แม้สินค้าที่ไทยเปิดตลาดจะมีมูลค่าไม่มาก แต่ต้องดูแลสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะซัพพลายเชนของSME เสริมสร้างประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยให้ได้
“ผมอยากเรียนว่าข้อเสนอของเราเป็นข้อเสนอที่มีหลักการดี โดยเราพยายามทำให้ตรงเป้าที่สหรัฐฯ ต้องการให้ได้มากที่สุด แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป้าที่เราฝืนใจตัวเอง เรายังดูแลภาคเกษตรกรโดยเฉพาะสินค้าบางชนิดที่ไทยยังต้องดูแล ยังอยากจะใช้คำว่าเป็น win-win ของประเทศอยู่”
ส่วนไทยจะได้อัตราภาษีที่เท่าไร นายพิชัย เปิดเผยว่า คาดว่าไทยจะได้อัตราภาษีในระดับที่เกาะกลุ่มไปกับภูมิภาค ซึ่งหมายความว่าอาจจะไม่เกิน 20% ส่วนเรื่องสินค้าผ่านทางจะเป็นอีกกรณีที่ต้องมาพิจารณาว่าจะดูแลอย่างไร
ขณะที่โมเดลของไทยจะเป็น 2 อัตราแบบเดียวกับเวียดนามหรือไม่ นายพิชัย เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่าสหรัฐฯ และเวียดนามตกลงกันอย่างไร อย่างไรก็ตามสินค้าที่ซื้อขายระหว่างประเทศมีหลายภาคส่วน (sector) ดังนั้นมองว่าอาจมีหลายอัตรา
“เวลาซื้อขายสินค้ามีหลายภาคส่วน ดังนั้นถ้าผมเป็นสหรัฐฯ ก็อาจจะมีหลายอัตรา เช่น สินค้ากลุ่มบนก็อาจมีอัตราเดียว กลุ่มล่างอาจจะมีหลายอัตรา หรือแบ่งเป็นสินค้าผ่านทางกลุ่มหนึ่ง เป็นต้น”
ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะส่งเสริมและดูแลกลุ่มผู้ประกอบการที่ปรับตัวไม่ทัน โดยพิจารณาแล้วมีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากมีสินค้าหลายประเภทที่แม้เปิดตลาดแล้วก็ไม่กระทบกับผู้ประกอบการ เพราะเป็นสินค้าที่สหรัฐฯ แข่งขันไม่ได้
“สินค้าบางอย่างเราเปิดตลาดแล้วสหรัฐฯ ก็ไม่มา เพราะเขาไม่มีสินค้านั้น หรือเปิดตลาดแล้วเขาเข้ามาแข่งขันไม่ได้ สมมติผมขอซื้อของเขา 100 อย่าง แล้วเขาไม่มี 50 อย่าง ผมจะเปิด 50 อย่างทำไม ก็เปิด 100 ได้เลย ไม่มาก็คือไม่มา”