'รัสเซีย' ส่งโดรนโจมตี 'ยูเครน' กว่า 400 ลำ ส่งผลให้มีคนตาย 2 เจ็บ 15
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน แถลงในวันจันทร์ (21 ก.ค.) ว่ารัสเซียโจมตียูเครนด้วย ขีปนาวุธและโดรน หลายร้อยลำในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และหลายพื้นที่ในยูเครนได้รับความเสียหายและเกิดเพลิงไหม้จากการโจมตีดังกล่าว
ระเบิดจากการโจมตีส่องแสงสว่างทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน และมีเสียงของเครื่องยนต์โดรนที่ดังกึกก้องไปทั่วกรุงเคียฟ กองทัพอากาศยูเครน เผยว่า รัสเซียได้ยิงโดรนโจมตียุเครน 426 ลำ ขีปนาวุธ 24 ลูก และมีโดรน 23 ลำตกใส่เป้าหมายทั่วยูเครน
เซเลนสกีโพสต์ในเทเลแกรมว่า “การโจมตีของรัสเซียมุ่งไปที่มนุษยชาติเสมอ โรงเรียนอนุบาล อาคารที่พักอาศัย และโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ ในกรุงเคียฟเกิดเพลิงไหม้”
ประชาชนในกรุงเคียฟหลบภัยจากการโจมตีของรัสเซียในสถารถไฟใต้ดิน
สื่อรัสเซียรายงานว่า ยูเครนก็ส่งโดรนไปโจมตีเช่นกัน ส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนในสนามบินในมอสโก ทำให้ผู้โดยสารต้องรอคิวหลายพันคน บางคนต้องอนพักที่พื้นหลังจากไฟลท์บินล่าช้าและถูกยกเลิก
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยว่าสามารถยิงโดรนยูเครนร่วง 117 ลำในตอนกลางคืน รวม30 ลำเหนือภูมิภาคมอสโก
เซเลนสกีประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า เขาต้องการเร่งเจรจาหยุดยิง และเคียฟเสนอให้มีการเจรจาใหม่ในสัปดาห์หน้า
ขณะที่ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็พร้อมที่จะเดินหน้าสู่สันติภาพ แต่จุดประสงค์หลักของมอสโกยังคงเป็นการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
ด้านปธน.ทรัมป์ ไม่พอใจปูตินมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้ประกาศส่งอาวุธให้กับยูเครนจำนวนมาก รวมถึงระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ “แพทริออต”
ขณะที่สหภาพยุโรปอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงมาตรการที่มุ่งโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันและพลังงานของรัสเซีย
“มีเพียงแรงกดดันที่แท้จริงต่อรัสเซียเท่านั้นที่จะยับยั้งการรุกรานครั้งนี้ได้” เซเลนสกีย้ำในวันจันทร์
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเผยกับรอยเตอร์ว่า เงื่อนไขในการบรรลุสันติภาพของปธน.ปูตินนั้น รวมการให้คำมั่นสัญญาผูกพันทางกฎหมายว่า นาโตจะไม่ขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกยูเครนต้องเป็นกลางและจำกัดกองทัพและยอมรับการครอบครองดินแดนของรัสเซีย แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์
ฝ่ายเซเลนสกีเคยกล่าวไว้ว่า ยูเครนจะไม่มีวันยอมรับอำนาจอธิปไตยของรัสเซียเหนือภูมิภาคที่ถูกยึดครอง และยืนยันเคียฟยังคงมีสิทธิอธิปไตยในการตัดสินใจว่าต้องการเข้าร่วมนาโตหรือไม่
อ้างอิง: Reuters