วาระสุดท้าย “เจ้าชายยะหน่อง” ศัตรูคนฉกาจของราชินีศุภยาลัตแห่งพม่า
วาระสุดท้ายเจ้าชายยะหน่อง ศัตรูคนฉกาจของ “ราชินีศุภยาลัต” หนามยอกอกที่ต้องหาทางกำจัดให้สิ้น ท้ายสุดเจ้าชายทรงพบจุดจบอย่างไร?
เป็นที่รู้กันดีในราชสำนักพม่าว่า ราชินีศุภยาลัต ทรงรัก พระเจ้าธีบอ ผู้เป็นพระสวามีมากเพียงใด ทั้งยังทรง “ขี้หึง” หากพระสวามีทอดพระเนตรหรือทรงพอพระราชหฤทัยสตรีอื่น
เจ้าชายยะหน่องคงดวงไม่ถึงฆาต หากไม่ทรงแนะนำเด็กสาวที่ต่อมาได้เป็น “สนมลับ” ให้พระเจ้าแผ่นดินพม่า
แฮโรลด์ ฟีลดิ้ง-ฮอลล์ อดีตข้าราชการอาณานิคมอังกฤษ ถ่ายทอดเรื่องนี้ไว้ตอนหนึ่งในหนังสือ “ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน” แปลโดย สุภัตรา ภูมิประภาส และสุภิดา แก้วสุขสมบัติ (สำนักพิมพ์มติชน) ที่เรียบเรียงขึ้นจากคำบอกเล่าของอดีตนางกำนัลในราชินีศุภยาลัต ว่า
เจ้าชายยะหน่องไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์โดยกำเนิด แต่ได้เรียนพระอารามเดียวกับเจ้าชายธีบอ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก ครั้งหนึ่งเจ้าชายยะหน่องเคยทำนายไว้ว่า วันหนึ่งเจ้าชายธีบอจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
เมื่อพระเจ้ามินโดงสวรรคต เจ้าชายธีบอทรงขึ้นครองราชสมบัติ ทรงนึกถึงสหายรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จึงทรงสถาปนาขึ้นเป็น “เจ้าชายยะหน่อง”
ราชินีศุภยาลัตไม่ทรงชอบพระสหายสนิทของพระสวามี และอาจไปถึงขั้นเกลียด ด้วยเหตุผลเพราะ “เจ้าชายยะหน่องเคยหัวเราะเยาะพระเจ้าอยู่หัวที่ยอมอยู่ในโอวาทของพระราชินี เขามักจะล้อเลียนพระองค์ และพระราชินีทรงรู้เรื่องนี้ ทำให้พระนางยิ่งเกลียดเขา”
อีกประการที่สำคัญ คือ เพราะเจ้าชายยะหน่องทรงพยายามหว่านล้อมให้พระเจ้าธีบอทรงมีนางสนมเยอะๆ อย่างที่เจ้าชายยะหน่องทรงปฏิบัติ ทั้งยังนำหญิงสาววัย 17 ปี บุตรีของคันนี หวุ่น ขุนนางทรงอำนาจ ไปถวายให้เป็นสนมลับของพระเจ้าธีบอ ซึ่งพระองค์ก็ทรงหลงใหลเธออย่างยิ่ง
แม้ท้ายสุดหญิงสาวและผู้เกี่ยวข้องจะถูกพระนางศุภยาลัตสั่งประหาร แต่เจ้าชายยะหน่องยังคงรอดพ้น
ความเกลียดชังระหว่างพระราชินีกับเจ้าชายคนโปรดของพระมหากษัตริย์จึงยิ่งก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และรอวันที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเพลี่ยงพล้ำ เพื่อที่จะได้กำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
วาระสุดท้ายเจ้าชายยะหน่อง
ทั้งราชินีศุภยาลัตและเจ้าชายยะหน่องต่างเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหลังก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นำสู่วาระสุดท้ายเจ้าชายยะหน่อง
เรื่องมีอยู่ว่า มีธรรมเนียมที่พระเจ้าแผ่นดินจะตั้งหีบไม้ใบใหญ่ไว้ 4 มุมเมือง หีบนั้นทำจากไม้สักแข็งแรงทนทาน มีการหล่อทองปิดทับไว้และล็อกอย่างแน่นหนา ด้านบนของหีบมีช่องเล็กเป็นแนวยาวสำหรับใส่หนังสือร้องเรียนที่ราษฎรจะส่งไปยังพระมหากษัตริย์
เมื่อถึงเวลาจะมีการขนหีบทั้ง 4 ใบเข้าไปในวังทุกวัน ซึ่งผู้ไขกุญแจ คือ พระราชินีศุภยาลัต พระนางจะทรงอ่านหนังสือร้องเรียนเหล่านี้ให้พระเจ้าธีบอฟัง ซึ่งเรื่องราวในหนังสือร้องเรียนมีทั้งขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง คำร้องเรียนขอความเป็นธรรมหรือขอความเมตตา ฯลฯ
ช่วงหนึ่ง หีบทั้งหมดเต็มไปด้วยเรื่องร้องเรียนเจ้าชายยะหน่อง ที่ระบุว่าเจ้าชายกำลังวางแผนโค่นล้มพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง มีการซ่องสุมกำลังพล มีกองทัพขนาดย่อมอยู่ในบ้าน และมีกองกำลังอีกมากตามพื้นที่ต่างๆ
ฟีลดิ้ง-ฮอลล์ ผู้เขียนหนังสือ เล่าถึงเรื่องเจ้าชายยะหน่องที่ได้ยินจากนางกำนัลอีกว่า มีหนังสือร้องเรียนเจ้าชายยะหน่องเข้ามาทุกวัน เรื่องนี้กระทบพระราชหฤทัยพระเจ้าธีบออย่างยิ่ง เพราะหลายเรื่องเป็นความจริง อย่างเรื่องเจ้าชายมีพรรคพวกมาก หรือเรื่องที่เมื่อพระราชินีทรงสั่งประหารคันนี หวุ่น และลูกสาว ก็ทำให้ขุนนางหลายคนไม่พอใจและเกิดความชิงชัง
เมื่อคำเตือนหนาหูมากขึ้น พระเจ้าธีบอจึงเริ่มเชื่อและเกิดความกลัวอย่างมาก ทรงมีรับสั่งให้ดำเนินการสอบสวน และดูเหมือนจะพบข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับหนังสือร้องเรียน
“ดังนั้น ในไม่ช้าพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเชื่อว่าเจ้าชายประสงค์จะโค่นล้มพระองค์และสังหารพระองค์กับพระราชินีจริงๆ พระองค์ทรงหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริงมากเพียงใด ฉันไม่อาจบอกได้ คนที่น่าจะรู้เรื่องบอกว่าเจ้าชายไม่เคยมีความคิดที่จะโค่นล้มพระเจ้าอยู่หัว พวกเขาบอกว่าคำร้องเรียนและคำเตือนต่างๆ ทั้งหลายนี้ล้วนส่งมาจากพระราชินี ทั้งหมดเป็นแผนการของพระราชินีที่จะทำลายล้างเจ้าชายยะหน่องผู้เป็นศัตรูของพระนาง”
หลังเหตุการณ์ประหารชีวิตสนมลับ พระเจ้าธีบอไม่ได้ทรงพบกับเจ้าชายยะหน่องพักใหญ่ จวบจนวันหนึ่งทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้เจ้าชายเข้าเฝ้า เมื่อเจ้าชายมาถึง พระเจ้าธีบอก็ทรงชักพระแสงดาบสั้นขึ้นมาด้วยความพิโรธ โดยมีพระนางศุภยาลัตเฝ้ามองอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นั้นจบลงด้วยการที่พระเจ้าธีบอทรงสั่งให้นำตัวเจ้าชายยะหน่องไปคุมขัง
ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดของพระนางศุภยาลัตว่าทรงคิดอ่านอย่างไร แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น เมื่อพระเจ้าธีบอดูจะทรงคลายพระพิโรธลง และทรงรับสั่งถึงเจ้าชายยะหน่อง พระราชินีศุภยาลัตก็กราบทูลพระสวามีว่า
“ไม่มีวันที่พระองค์จะได้เสด็จไปไหนต่อไหนกับเจ้าชายยะหน่องอีกเพคะ ไม่มีวันที่พระองค์จะได้พบเขาอีกเพราะเขาตายแล้ว” แล้วกราบทูลอีกว่า
“โอ พระองค์ไม่ทรงทราบหรือเพคะ พวกเสนาบดีไม่ได้กราบทูลหรือเพคะ น้องคิดว่าเจ้าพี่รู้แล้วเสียอีก เขาเป็นไข้ตายเสียแล้วเมื่อคืนนี้”
นี่คือวาระสุดท้ายเจ้าชายยะหน่อง ศัตรูคนฉกาจและศัตรูคนสุดท้ายของพระราชินีศุภยาลัต ก่อนที่ต่อมาทั้งพระเจ้าธีบอและพระราชินีจะต้องเผชิญกับ “อังกฤษ” ชาติตะวันตกที่ไม่เพียงสั่นคลอนราชบัลลังก์ แต่ยังถึงขั้นทำให้ราชวงศ์คองบอง (ราชวงศ์อลองพญา) ของพม่าถึงกาลล่มสลาย
อ่านเพิ่มเติม :
- เจ้าหญิงสะลิน อดีตว่าที่ราชินีคู่บัลลังก์กษัตริย์พม่า ที่ถูกพระนางศุภยาลัตขัดขวาง
- เมื่อพระเจ้าธีบอ กษัตริย์พม่าองค์สุดท้ายแอบมีสนมลับ กับความพิโรธของราชินีศุภยาลัต
- เปิดตำราอาหารชาววังพม่า เมื่อ 200 กว่าปีก่อน “กษัตริย์ราชวงศ์อลองพญา” โปรดเสวยเมนูอะไร?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ฟีลดิ้ง-ฮอลล์, แฮโรลด์. ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568 สามารถสั่งซื้อที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชนได้ที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 มิถุนายน 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วาระสุดท้าย “เจ้าชายยะหน่อง” ศัตรูคนฉกาจของราชินีศุภยาลัตแห่งพม่า
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com