ศาลรธน.มีมติเป็นเอกฉันท์ กรณีหญิงหย่าสามีกลับไปใช้นามสกุลเดิมไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมปรึกษาคดี จำนวน 7 เรื่อง โดยหนึ่งในคดีสำคัญ คือ พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 6/2564)
ศาลจังหวัดธัญบุรีส่งคำโต้แย้งของจำเลย (นางแสงศรี จิยะจันทน์) ในคดีหมายเลขดำที่ พ 2240/2567 ที่โต้แย้งว่า พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้หญิง ที่จดทะเบียนสมรสกับชายแล้วได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลของสามี เมื่อหย่าจากสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตน เป็นการจำกัดเสรีภาพของฝ่ายหญิง ขัดหรือแย้งต่อหลักความเสมอภาคของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 หรือไม่
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคสอง
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (4 ต่อ 1) วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อยจำนวน 3 คน คือ นายอุดม รัฐอมฤต เห็นว่า พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม