"หมอฟัน" ออกโรงเตือน ขูดหินปูนด้วยตัวเอง เสี่ยงอันตราย
น.พ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า คราบหินปูน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า หินน้ำลาย เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ที่แข็งตัว ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียในช่องปากทำปฏิกิริยากับเศษอาหารและน้ำลาย หากไม่ได้รับการกำจัดอย่างเหมาะสม คราบหินปูนอาจนำไปสู่ปัญหาเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ ฟันผุ และกลิ่นปาก โดยการขูดหินปูนจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางที่ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อให้การขจัดหินปูนเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ทว่าปัจจุบันนี้ Social Media หรือ สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการวางจำหน่ายเครื่องมือขูดหินปูน Ultrasonic ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัด แต่ความจริงแล้วการขูดหินปูนไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้หากอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์
ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้หลักการสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงและน้ำในการกำจัดคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนผิวฟันและใต้เหงือก การใช้งานเครื่องมือชนิดนี้อย่างถูกต้องเหมาะสมนั้น ต้องกระทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะการมองเห็น และความเข้าใจกายวิภาคของช่องปาก เพื่อให้สามารถขจัดหินปูนได้อย่างหมดจดโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งการใช้เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic ด้วยตัวเองที่บ้านนั้น ไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic ด้วยตนเอง ดังนี้
1. การทำลายผิวเคลือบฟัน: มุมการวางหัวขูดที่ไม่เหมาะสม การใช้แรงกดที่มากเกินไป การจิกของหัวขูดหรือการขูดซ้ำๆ อาจทำให้ผิวเคลือบฟันซึ่งเป็นชั้นนอกสุดที่ปกป้องฟันถูกทำลาย เกิดภาวะเสียวฟันและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุในอนาคต
2. การบาดเจ็บต่อเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก: การสอดหัวขูดเข้าไปใต้ขอบเหงือกอย่างไม่ถูกต้องเนื่องจากการมองเห็นที่ชัดเจนและมุมของเครื่องมือที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่การฉีกขาด บาดเจ็บ ของเหงือกได้
3. โรคปริทันต์อักเสบลุกลามจากการหลงเหลือหินปูนใต้เหงือก: เครื่องขูดหินปูน Ultrasonic สำหรับใช้เองมักมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและไม่สามารถเข้าถึงบริเวณใต้เหงือกได้อย่างสมบูรณ์ การขจัดหินปูนที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณใต้เหงือก จะส่งผลให้หินปูนยังคงสะสมตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปริทันต์อักเสบ ที่อาจลุกลามทำลายกระดูกรองรับฟัน นำไปสู่การสูญเสียฟันได้ หากไม่ได้ รับการรักษาที่เหมาะสมจากทันตแพทย์
4. ความเสี่ยงในการติดเชื้อ: เครื่องมือที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรฐานทางการแพทย์ (Sterilization) จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในช่องปาก อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้
ดังนั้น เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนกับทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อมั่นใจได้ว่าการขจัดหินปูนที่เป็นสาเหตุของโรคปริทันต์นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมทั้งผู้ป่วยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยปัญหาอื่นๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุ รากฟันอักเสบ หรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งในช่องปากอย่างเหมาะสมด้วย หรือสอบถามเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปาก ได้ที่ Facebook : สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ และ LineOA : @iodforfun