BOI ออก 5 มาตรการใหญ่ หนุน ผู้ประกอบการไทย รับมือภาษีทรัมป์
วันนี้ (16 กรกฎาคม 2568) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด BOI ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบ มาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับโลกยุคใหม่ เพื่อรับมือมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (ภาษีทรัมป์) และการเปลี่ยนแปลงจากสงครามการค้าโลก
โดยมาตรการใหม่นี้มีเป้าหมายหลัก 2 ด้าน ได้แก่
1.ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนา Supply Chain ในประเทศให้แข็งแรง
2.ลดความเสี่ยงจากมาตรการการค้าของสหรัฐฯ และจัดระเบียบการลงทุนในบางอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องภาคการผลิตในประเทศ
โดยมี 5 มาตรการย่อยสำคัญ ดังนี้
มาตรการที่ 1 สนับสนุน SMEs ไทยยกระดับประสิทธิภาพการผลิต
มอบสิทธิประโยชน์ภาษีแก่ SMEs ที่ขึ้นทะเบียนกับ สสว. จากเดิมยกเว้นภาษี 3 ปี วงเงิน 50% ของเงินลงทุน ปรับเพิ่มเป็น ยกเว้นภาษี 5 ปี วงเงิน 100% เพื่อส่งเสริมการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ ระบบอัตโนมัติ การประหยัดพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมอนาคต
มาตรการที่ 2 ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content)
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) จากสภาอุตสาหกรรมฯ และใช้วัตถุดิบในประเทศตามสัดส่วนที่กำหนด จะได้รับ สิทธิยกเว้นภาษีเพิ่มอีก 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ
มาตรการที่ 3 เพิ่มความเข้มในการพิจารณากระบวนการผลิต
เฉพาะกิจการที่มีความเสี่ยงถูกสวมสิทธิ เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ จะต้องมีการแปรสภาพวัตถุดิบอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเปลี่ยนพิกัดศุลกากรอย่างน้อย 4 หลัก เพื่อให้ผ่านเกณฑ์เป็น “ผลิตภัณฑ์ไทย” อย่างแท้จริง
มาตรการที่ 4 จัดระเบียบการลงทุนในบางสาขา
ยกเลิกการส่งเสริมกิจการที่มีความเสี่ยง เช่น แผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เหล็กขั้นปลาย และอุตสาหกรรมที่กระทบสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้ต้องตั้งในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมจำกัดสิทธิถือครองที่ดิน
มาตรการที่ 5 ปรับเงื่อนไขจ้างงานชาวต่างชาติ
บังคับให้กิจการที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องจ้างคนไทยไม่น้อยกว่า 70% และกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ เพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนไทยและถ่ายทอดองค์ความรู้
นอกจากนี้ BOI ยังอยู่ระหว่างพิจารณา มาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากภาษีสหรัฐฯ โดยมุ่งเป้าไปยังอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพสูง เช่น อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และอัญมณี
สถานการณ์การแข่งขันทางการค้าทั่วโลกที่รุนแรงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับภาระต้นทุน กฎระเบียบ และการเข้ามาของสินค้านำเข้าและเทคโนโลยีต่างชาติ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปรับนโยบายการลงทุนให้เท่าทัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเดิม และวางรากฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน