โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์”ส่งไม้ต่อ “สรวิช สนธิจิรวงศ์”นักธุรกิจรุ่นใหม่ ปั้น SAMAS อาหาร Chef's Table สุดหรู

Manager Online

อัพเดต 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 6.41 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

หลังจากวางมือทางการเมืองไประยะหนึ่ง หลาย ๆ ท่านคงอยากทราบว่า “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง หายหน้าหายตาไปไหน และขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งปรากฏว่า นายสนธิรัตน์ยังไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมือง แม้จะไม่ได้ออกมาอยู่หน้าแถวเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็อยู่เบื้องหลัง พยายามที่จะขับเคลื่อนการเมืองในอุดมคติ ที่อยากให้การเมืองใสสะอาด ขับเคลื่อนประเทศอย่างโปร่งใส มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่วางมือจากเรื่องการเมือง ก็ยังคงช่วยขับเคลื่อนธุรกิจที่เคยทำมา แต่ก็ได้เริ่มส่งไม้ต่อให้กับบุตรชาย นายสรวิช สนธิจิรวงศ์ ให้เข้ามาบริหารธุรกิจแทน และสนับสนุนการริเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ โดยที่ตัวเอง หันมาอยู่เบื้องหลัง เหมือนกับที่หันไปอยู่เบื้องหลังในเรื่องการเมือง

เปิดธุรกิจที่เคยทำ

นายสนธิรัตน์เล่าว่า ได้เริ่มทำธุรกิจเครื่องครัว ประมาณปี 2550 แต่กว่าจะทำธุรกิจนี้ มีที่มาที่ไป คือ ตอนนั้นผมมีชื่อเสียงเหมือนเป็นซินแสของธุรกิจ เป็นหมอธุรกิจ ที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับภาคธุรกิจ ใครมีปัญหาอะไร ก็มาปรึกษา และผมเข้าไปช่วยแก้ไข ก็เลยมีเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายเครื่องครัว Tecnogas จากอิตาลี ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ดังมากทั่วยุโรป เขาทำตลาดมาเป็น 20 ปี แต่ทำยอดขายต่อปีได้แค่ 50 ล้านบาท และยังประสบปัญหาขาดทุน เขาไปต่อไม่ไหว ผมก็เขาไปช่วยแนะนำ และหาทางแก้ไขปัญหาให้กับธุรกิจ แต่สุดท้าย จากที่เป็นคนแนะนำ เขาเสนอให้ผมไปทำแทน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจเครื่องครัวนำเข้า

ตอนนั้น หลังจากเข้าไปเป็นผู้บริหาร Tecnogas แล้ว ได้ทำการวิเคราะห์ตัวสินค้า ตลาดเครื่องครัวโดยรวมในประเทศ และแนวโน้มในอนาคต เห็นว่า ยังมีโอกาสเติบโต เพราะยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเครื่องครัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง จึงได้ตั้งบริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ แบรนด์ จำกัด ขึ้นมา แล้วไปเสาะหาแบรนด์เครื่องครัวระดับโลก ที่มีขายอยู่ในต่างประเทศเอาเข้ามาขายในไทย ปัจจุบันมี 7-8 แบรนด์ เป็นแบรนด์ระดับหรูทั้งหมด อาทิ Elica , Barazza , Fabita และ Chambord เป็นต้น

ผลการดำเนินงาน ปรากฏว่า ปีแรกทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท ปีที่ 2 ขยับขึ้นไปเป็น 200 ล้านบาท ปีที่ 3 เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท เติบโตขึ้นทุก ๆ ปี จนปี 2557 รายได้ต่อปีขยับขึ้นไปเป็น 800 กว่าล้านบาท จากนั้น ได้เข้ามาสู่เวทีการเมือง จึงได้ลาออกจากบริษัท และให้ลูกเข้ามาบริหารแทน จนวันนี้ รายได้ก็ยังทรงตัวอยู่ในระดับปีละ 1,000 ล้านบาท

ส่วนงานและธุรกิจอื่น ๆ ที่เคยทำ มีทั้งเป็นลูกจ้าง ขยับเป็นเจ้าของกิจการ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำสกินแคร์ เข้าไปช่วยฟื้นฟูโรงพยาบาลยันฮี จนเป็นยันฮีได้อย่างทุกวันนี้

“สมคิด”ชวนมาเล่นการเมือง

นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะเข้าสู่แวดวงการเมือง ก็อย่างที่บอก เคยทำธุรกิจหลายอย่าง และเริ่มเข้ามาสัมผัสการเมืองช่วงการทำงานร่วมกับมูลนิธิสัมมาชีพ ตอนนั้นได้มีโอกาสรู้จักนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และหมอประเวศ วะสี ตอนทำมูลนิธิฯ ด้วยกัน ความคิดตอนนั้น อยากช่วยเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง จากนั้นนายสมคิดได้ให้โอกาสเข้าสู่การเมืองทีละขั้น เริ่มจากเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป ที่ปรึกษารัฐมนตรี จนได้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ตอนที่อยู่กระทรวงพาณิชย์ ได้เดินหน้าวางรากฐานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ทั้งการผลักดันโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ฐานราก ผลักดันร้านโชวห่วยให้เข้มแข็ง ช่วยธุรกิจชุมชน ธุรกิจท้องถิ่น ให้มีโอกาสทำมาค้าขาย ดูแลสินค้าเกษตร จนมาอยู่ที่กระทรวงพลังงาน ก็วางรากฐานระบบพลังงานของประเทศ มุ่งสร้างความเป็นธรรมในการใช้พลังงาน

ตอนนี้ แม้จะไม่สวมหมวกการเมืองแล้ว แต่ยังมีความคิด มีความพยายามที่จะมุ่งช่วยเหลือเกษตรกร และเศรษฐกิจในระดับฐานรากอยู่ โดยสิ่งที่กำลังทำ อาทิ คุยกับกลุ่มเกษตรกร และบริษัทนำเข้าสินค้าไทยในต่างประเทศ ทำโปรเจกต์นำร่องสินค้าคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น ทุเรียน เราจะคุยกับเกษตรกรผู้ปลูก ผลิตทุเรียนคุณภาพ คุยกับผู้นำเข้า หากมาซื้อกับเจ้านี้ จะได้ของดี มีคุณภาพ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่

หลังเลิกเล่นการเมืองคิดทำธุรกิจใหม่

ช่วงพ้นจากการเมือง นายสนธิรัตน์ บอกว่า จะกลับมามุ่งทำธุรกิจต่อ โดยคิดว่า จะต่อยอดจากการทำธุรกิจเครื่องครัวได้อย่างไร พอดีไปได้บ้านเรือนไทยทรงปั้นหยา อายุเก่าแก่ 140 ปี ย่านสาทร พอทำสัญญาเช่าเรียบร้อย ตั้งใจจะเปิดเป็นร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table แต่เกิดโควิด-19 ระบาด คิดว่าเปิดไปก็ไม่มีคนมาทานแน่นอน เลยปรับแผนเปิดเป็น CUCINA Galleria โชว์รูมเครื่องครัวระดับไฮเอนด์สัญชาติอิตาลีและฝรั่งเศส ใครที่ต้องการชุดครัวระดับไฮเอนด์มาที่นี่ได้ มีตั้งแต่ชุดหลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท และมีห้องครัวทำอาหารแบบให้ลูกค้าได้เข้ามาชม และทดลองใช้งานจริงได้ด้วย

ต่อมาพอโควิด-19 เบาลง ได้เริ่มขยับขยาย เพิ่มร้านกาแฟ Brave Roasters เป็นร้านที่การันตีด้วยรางวัลระดับประเทศและสากล รับรองว่ามากินกาแฟที่นี่ จะได้รับความประทับใจ และประสบการณ์กินกาแฟที่แตกต่างจากที่อื่นอย่างแน่นอน และยังได้เปิดบาร์ไวน์ มีลูกสาวเป็นผู้ดูแล ซึ่งลูกสาวได้ไปเรียนและเพิ่มพูนความรู้เรื่องไวน์จากทั่วโลก สำหรับคอไวน์ต้องไม่พลาด

จากนั้น เมื่อโอกาสเหมาะ ก็เริ่มสานต่อธุรกิจที่เคยคิดจะทำไว้ก่อนหน้านี้ คือ การเปิดร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ซึ่งผมได้ให้ลูกชาย (นายสรวิช สนธิจิรวงศ์) เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ผมจะทำหน้าที่แค่เป็นผู้ให้คำปรึกษา อยากให้เขาได้ลองผิด ลองถูก อยากให้ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยตัวเอง และขณะนี้ ร้านพร้อมที่จะเปิดให้บริการแล้ว น่าจะเป็นช่วงเดือน ก.ค.2568

“สรวิช” คีแมน์ลุยร้าน SAMAS

นายสรวิช สนธิจิรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจและจัดซื้อ บริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ แบรนด์ จำกัด เล่าเสริมนายสนธิรัตน์ว่า ก็อย่างที่บอก ธุรกิจของครอบครัว คือ ขายเครื่องครัว ผมรับผิดชอบจัดหาเครื่องครัวดี ๆ แบรนด์ดัง ๆ จากยุโรป เข้ามาจำหน่าย หาเสริมเข้ามาเรื่อย ๆ จนพูดได้ว่าเป็นบริษัทที่ขายเครื่องครัวไฮเอนด์อย่างครบวงจรของประเทศ มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านนวัตกรรม การดีไซน์ และคุณภาพมาตรฐาน มาไว้ที่เดียวกัน

“เมื่อเรามีโชว์รูมเครื่องครัวที่ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ก็มาคิดต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ มองว่า เมื่อลูกค้ามาดูเครื่องครัวแล้ว อยากให้มีอะไรรองรับ ก็มาเปิดร้านกาแฟ และเปิดบาร์ไวน์ เพื่อดึงดูดลูกค้า ที่มาชมเครื่องครัว แล้วได้กินแฟที่มีคุณภาพ จิบไวน์คุณภาพ พอมีลูกค้า ก็เริ่มถามหาอาหาร จึงเป็นไอเดียมาเปิดร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table จากนั้นได้คุยกับเซฟแนวฟิวชัน บางคนเคยอยู่ร้านมิชลินมาก่อน ก็มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ จนเกิดเป็นร้าน SAMAS (ส-ม-า-ส)”

สำหรับคอร์สอาหาร จะมีทั้งหมด 6 คอร์ส มีเป็ดและเนื้อเป็นจานหลัก โดยจะเปลี่ยนเมนูอาหารทุก ๆ 3 เดือน รอบหน้าก็จะเป็นปลาชนิดต่าง ๆ พื้นที่รับได้เพียง 20 ที่นั่ง ราคาอาหารคอร์สละ 2,200 บาท หากจะดื่มไวน์ด้วยบวก Wine Pairing อีก 1,500 บาท เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารกับไวน์ ซึ่งอาหารและไวน์ จะมีการคัดเลือกอย่างเหมาะสม กินแล้วจะได้รสชาติของอาหาร และรสชาติของไวน์อย่างโดดเด่น โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือน ก.ค.2568 นี้

ทั้งนี้ จุดเด่นของอาหาร จะใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น และสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสนับสนุนเกษตรกร ชาวประมง ผู้ประกอบการชุมชน และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร เพราะมีที่มาที่ไป สามารถขายความโดดเด่นของสินค้าท้องถิ่นได้ เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบและการตรวจสอบย้อนกลับ

เปิดรายละเอียดเมนู

สำหรับเมนูอาหาร ที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้า เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย คือ Crap Tart ทำจากอโวคาโด เนื้อปู , Tartare Toasted ทำจากเนื้อ และ Shrimp Ball ทำจากกุ้ง ต่อด้วย Ceviche ทำจากเนื้อปลา Consomme ทำจากมะเขือเทศ Riso ทำจากกุ้งลายเสือ และเมนคอร์ส เป็นเป็ด หรือเนื้อ ปิดท้ายด้วยขนมหวาน Crispy Brix

ตั้งเป้าเป็นจุดหมายใหม่ต้องมาเช็กอิน

นายสรวิช บอกความคาดหวังของการขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนว่า ผมกับพี่สาวเป็นสายกิน ตระเวนกินไปเรื่อย ๆ มั่นใจว่ามีประสบเรื่องการกินพอควร ก็เลยอยากทำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยใช้จุดแข็งของธุรกิจที่มีอยู่ เพราะมีครบทั้งเครื่องครัว กาแฟ ไวน์ พอเพิ่มอาหาร ก็เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างสมบูรณ์มากขึ้น ก็อยากที่จะเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความแปลกใหม่ ให้มาทดลองใช้บริการ มาร้านนี้ มาได้ทุกวัน อยากแวะดื่มกาแฟ ก็เข้ามา ดื่มไวน์ก็มาได้ หรืออยากรับประทานอาหารสุดหรู ก็มาได้

“การปรับรูปแบบการทำธุรกิจในครั้งนี้ เป็นการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโลก และเป็นการใช้สิ่งที่เรามีความถนัดอยู่แล้ว มาต่อยอด เมื่อเราขายเครื่องครัว ก็เอาเครื่องครัว มาทำกาแฟ มาขายอาหาร โดยตั้งเป้าให้ร้านอาหาร ที่กำลังจะเปิดขึ้นมา เป็นจุดหมายปลายทางที่นักชิม คนที่ชื่นชอบอาหารสไตล์แปลกใหม่ ต้องมาเช็กอิน และมาลิ้มลองประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ ในการรับประทานอาหารควบคู่กับไวน์ ที่สรรหามากินกับอาหารแบบลงตัว”นายสรวิชกล่าว

สำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองความแปลกใหม่ ทั้งจิบกาแฟ จิบไวน์ กินอาหารสไตล์ Chef’s Table สามารถแวะไปได้ที่ร้าน SAMAS ตั้งอยู่ในซอยสาทร 12 หรือสอบถามผ่าน LINE OA @samas.bkk

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

แค่ขู่เฉยๆ!สื่อเชื่อทรัมป์ไม่กล้ารีดภาษี100%คู่ค้ารัสเซีย วิตกจุดชนวนเผชิญหน้ากับจีน

16 นาทีที่แล้ว

น้ำมันลง-ทองคำขึ้น หุ้นสหรัฐฯบวกหลังทรัมป์ปัดข่าวลือไล่ออกประธานเฟด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทรงคุณค่าระดับโลก “26 มรดกโลก” แห่งใหม่ ประจำปี 2025

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมประมงปล่อยกุ้งก้ามกราม 2 ล้านตัวลงกว๊านพะเยา สร้างแหล่งอาหาร สร้างรายได้ให้ชุมชน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ผ่าอาณาจักร “สุกี้ตี๋น้อย” จากร้านสุกี้ห้องแถวสู่ “บุฟเฟต์หมื่นล้าน”

ฐานเศรษฐกิจ

"กสทช." จี้ค่ายมือถือจัด "แพ็กเกจธงฟ้า" ไม่เกิน 240 บ./เดือน เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค

สยามรัฐ

HOKA บุกเจริญกรุง! เนรมิตตึกเก่าร้อยปีเป็น Culture Hub

ฐานเศรษฐกิจ

‘คราฟต์ช็อกโกแลตไทย’ พลิกโฉมอุตสาหกรรมที่คนทั่วโลกต้องเหลียวมอง

SMART SME

วัฒนธรรมในภูมิภาคไม่ใช่ของใครคนเดียว นักวิชาการ มธ. แนะ ‘ไทย’ ยื่นหลักฐาน แสดงบทบาทร่วมขึ้นทะเบียนกับ ‘ยูเนสโก’

SMART SME

Broker ranking 16 Jul 2025

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

”บขส.”แจ้งหยุดเดินรถ”กรุงเทพฯ - สระบุรี”ตั้งแต่ 1 ส.ค.68 แต่ยังมีรถมินิบัส-รถตู้ บริการทุกวัน

Manager Online

กทพ.แจ้งปิด”ด่านดาวคะนอง”และทางขึ้น-ลงพระราม2 ช่วง 3 ทุ่ม-ตี 5 ตั้งแต่ 16 ก.ค. 68

Manager Online

“อโกด้า” เผย “จีน-มาเลฯ-เกาหลีใต้” เที่ยวไทยมากสุดช่วงครึ่งปีแรก68

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...