‘สหรัฐ’ จ่อส่งเงินช่วยเหลือกาซา 30 ล้านดอลล์ ท่ามกลางความกังวลด้านความรุนแรง
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าว 4 แห่ง รวมถึงเอกสารหนึ่งว่า สหรัฐอนุมัติเงิน 30 ล้านดอลลาร์ให้แก่กลุ่มด้านมนุษยธรรมที่มีหน้าที่ส่งมอบความช่วยเหลือในฉนวนกาซาท่ามกลางผลกระทบจากสงคราม แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐบางรายจะมีความกังวลเนื่องจากการสังหารชาวปาเลสไตน์ที่มักเกิดขึ้นใกล้กับสถานที่แจกเสบียง
ทางสหรัฐได้ให้ความสนับสนุนมูลนิธิมนุษยธรรมแห่งกาซา (GHF) ในทางการทูตมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐได้ให้การสนับสนุนมูลนิธินี้ในด้านการเงิน โดยใช้บริษัทด้านการทหารและโลจิสติกส์เอกชนของสหรัฐในการเดินทางส่งมอบความช่วยเหลือเข้าไปยังดินแดนปาเลสไตน์เพื่อนำไปแจกจ่ายตามสถานที่ที่ได้ระบุไว้ว่าปลอดภัย
จากเอกสารที่รอบเตอร์สได้ตรวจสอบ ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ (20 มิ.ย.) ที่ผ่านมา สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 30 ล้านดอลลาร์ให้แก่ GHF ตาม “คำสั่งเร่งด่วน” จากทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศ และได้ระบุเพิ่มเติมว่ามีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว 7 ล้านดอลลาร์
แหล่งข่าวซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน 2 รายยังกล่าวอีกว่า สหรัฐอาจอนุมัติเงินช่วยเหลือให้ GHF เพิ่มเติมอีก 30 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ด้านทำเนียบขาวได้แนะให้ถามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และ GHF เองต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
โดยปกติการตรวจสอบบัญชีเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการให้ทุนแก่กลุ่มที่ต้องการรับเงินช่วยเหลือจาก USAID แต่กระทรวงต่างประเทศได้ยกเว้นข้อปฏิบัตินี้ให้กับ GHF ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงินของตัวเองต่อสาธารณะ
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่าการตรวจสอบบัญชีปกติแล้วจะใช้เวลา “หลายสัปดาห์ หรืออาจจะยาวนานหลายเดือนเลยก็เป็นได้”
นอกจากนี้ แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า GHF ยังได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้คนในฉนวนกาซา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรง
ปัจจุบัน GHF กำลังดำเนินงานในฉนวนกาซา โดยร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ Safe Reach Solutions ซึ่งมีอดีตเจ้าหน้าที่ CIA เป็นผู้นำ และ UG Solutions ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาด้านความปลอดภัยที่ว่าจ้างทหารผ่านศึกสหรัฐ
ความกังวลด้านความรุนแรง
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อิสราเอลได้ขอให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งเงินช่วยเหลือไปยัง GHF มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ แหล่งข่าวรายงานว่าเงินดังกล่าวจะมาจากสำนักงานพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งกำลังถูกรวมเข้ากับกระทรวงการต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่สหรัฐบางรายคัดค้านการสนับสนุน GHF โดยให้เหตุผลว่า ความรุนแรงมักเกิดขึ้นใกล้กับสถานที่แจกอาหาร รวมถึงตัว GHF เองที่ไม่มีประสบการณ์และกำลังร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์และทหารเอกชนของสหรัฐ
อิสราเอลปล่อยให้สหประชาชาติ (UN) กลับมาส่งมอบความช่วยเหลือได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 สัปดาห์ในวันที่ 19 พ.ค. โดย UN รายงานว่า นับตั้งแต่นั้นมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 400 ราย ขณะเข้ารับความช่วยเหลือจากทั้ง UN และ GHF
โจนาธาน วิททอลล์ เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความช่วยเหลือฉุกเฉินของสหประชาชาติสำหรับดินแดนปาเลสไตน์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ว่าผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่ “ถูกยิงหรือยิงถล่มใส่ขณะพยายามเข้าถึงจุดแจกจ่ายของยังชีพของสหรัฐและอิสราเอล ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นในเขตที่มีกองกำลังทหารควบคุมอยู่” นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีกหลายรายที่ถูก”กองกำลังอิสราเอลยิงใส่ขณะที่รอรับอาหาร” หรือถูก “กลุ่มติดอาวุธโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”
ด้านกลุ่ม GHF ได้ตอบโต้เมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) ว่าปัจจุบันได้จัดส่งอาหารไปยังกาซาแล้ว 40 ล้านมื้อ แต่สหประชาชาติและกลุ่มช่วยเหลืออื่นๆ กำลังประสบปัญหาในการแจกจ่ายสิ่งของยังชีพเนื่องจากรถบรรทุกและโกดังสินค้าถูกปล้น ทั้งนี้ โฆษกของ GHF ยืนยันว่ารถบรรทุกของกลุ่ม GHF ไม่ได้ถูกปล้นแต่อย่างใด
โฆษก GHF อีกรายได้กล่าวว่า ทางมูลนิธิส่งมอบสิ่งของยังชีพได้อย่างปลอดภัย และยินดีที่จะร่วมมือกับ UN และกลุ่มมนุษยธรรมอื่นๆ เพื่อส่งเสบียงให้ผู้คนในฉนวนกาซา รวมถึง “พร้อมที่จะร่วมมือกันช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการ”
เมื่อต้นเดือนนี้ GHF ได้ระงับการส่งสิ่งของยังชีพเป็นเวลา 1 วัน เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มความปลอดภัยให้กับพลเรือนใกล้กับจุดแจกจ่ายของมูลนิธิ หลังชาวปาเลสไตน์หลายรายเสียชีวิตระหว่างเข้ารับความช่วยเหลือ โดยยังคงยืนยันว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นที่จุดแจกจ่ายของ GHF
สหประชาชาติได้อธิบายว่าปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือในฉนวนกาซานั้นขึ้นอยู่กับ “โอกาส” เนื่องจากถูกขัดขวางโดยปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล การเข้าถึงฉนวนกาซาที่ถูกจำกัดโดยอิสราเอล และการถูกปล้นโดยกลุ่มติดอาวุธ สหประชาชาติได้เน้นย้ำว่าการปล้นสะดมจะลดลงต่อเมื่อประชาชนทราบว่าความช่วยเหลือจะถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง: Reuters