ไปรษณีย์ไทย ชูกลยุทธ์ 1-4-2 ขับเคลื่อนธุรกิจ ครึ่งปีแรกกำไร 631.56 ล้านบาท
วันที่ 18 สิงหาคม 2568 นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท. เปิดเผยว่า แผนยุทธศาตร์ไปรษณีย์ไทย ครึ่งปีหลังชูกลยุทธ์ 1-4-2 ซึ่งเป็นวันครบอายุก่อตั้งของ ไปรษณีย์ไทย
สำหรับกลยุทธ์ 1-4-2 ประกอบด้วย
- “1” ด้านความเชื่อมั่น เป็นคนส่งอันดับ 1 ของคนไทย
- “4” พลังความเร็ว,พลังเพื่อธุรกิจ, พลังเชื่อมโลก มีเครือข่ายครอบคลุม 205 ปลายทาง 193 ประเทศ และพลังความล้ำ
- “2” เชื่อมความสัมพันธ์และสำเร็จ และ ดูแลสังคมอย่างยั่งยืน
“นอกจากกลยุทธ์ 1-4-2 ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งสร้างความแตกต่างของแบรนด์มากขึ้น ดังนั้นในปีหลังจะมีการสร้างจดจำ ภายใต้แนวความคิด “POSTsible Together เป็นโปรฯได้ โปรฯ ด้วยกัน”
นายดนันท์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการครึ่งปี 2568 ไปรษณีย์ไทย มีรายได้ครึ่งปีแรกของปี 2568 กำไร 631.56 ล้านบาท จากรายได้รวม 11,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เป็นหัวหอกหลัก สร้างรายได้กว่า 5,406 ล้านบาท หรือ 46.83% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 11.56% พร้อมปริมาณชิ้นงานขยับขึ้น 6% ถัดมาเป็นกลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 36.69% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 9.96% กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและการเงิน 4.62% และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ 1.89%
ผลประกอบการที่เติบโตแรงในปีนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ในปี 2567 ไปรษณีย์ไทยเคยขาดทุนถึง 187ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายจ่าย 3 รายการหลัก ได้แก่ 1.การปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศจาก 375 บาท เป็น 400 บาท 2.การเสียภาษีจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และ 3.การจ่ายค่าครองชีพพิเศษปรับเพิ่มขึ้นให้กับพนักงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามฐานเงินเดือนใหม่ที่รัฐบาลประกาศไว้
นายดนันท์ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยจะเดินหน้าสร้างการจดจำ และสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งในด้านสินค้า บริการ และไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “POSTsible Together เป็นไปรฯ ได้ ไปรฯ ด้วยกัน” อาทิ การเปิดตัว Super App แอปพลิเคชัน ที่รวบรวมบริการหลากหลายของไปรษณีย์ไทยไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามพัสดุ สร้างใบจ่าหน้า เรียกรับพัสดุ ชำระค่าบริการ และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการภาครัฐและพันธมิตรภาคเอกชน มุ่งเสริมศักยภาพ SME ไทย ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับแพลตฟอร์ม Amazon ในการส่งสินค้าจากผู้ประกอบไทยเข้าคลัง Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ขายบน Amazon.com ที่ต้องการส่งสินค้าเข้าคลังในสหรัฐอเมริกา โดยไปรษณีย์ไทยเป็นผู้รวบรวมสินค้าในประเทศไทย ดำเนินพิธีการศุลกากร และส่งสินค้าสู่คลัง FBA เพื่อสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและ SME ไทยกระจายสินค้าสู่ตลาดอเมริกา
นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดแนวคิดการขนส่ง Parcel Defined Logistics ให้มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นในรูปแบบ Specialized Logistics เช่น Healthcare Logistics for Pet หรือการขนส่งสินค้าเพื่อกลุ่มสัตว์เลี้ยง
การขนส่งสินค้ามูลค่าสูง และการขนส่งนมแม่ เป็นต้น ขณะที่ในด้านบริการทางการเงิน ไปรษณีย์ไทยพัฒนา e-Payment ให้รองรับการชำระ COD และเชื่อมต่อกับพันธมิตรหลากหลาย ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กรมการขนส่งทางบก ทิพยประกันภัย WeChat Pay และ Alipay เพื่อขยายช่องทางชำระเงินอย่างครอบคลุมทุกความต้องการ
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการต่อยอดข้อมูลขนาดใหญ่สู่ “Data as a Service” ที่จะสร้างรายได้เชิงพาณิชย์อย่างจริงจังในปี 2569 โดยใช้การวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อพัฒนาบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลและภาคธุรกิจได้อย่างแม่นยำ.