อสังหาฯเปิดศึกชิงแชร์พูลวิลล่าภูเก็ต ดึงดีมานด์เงินสดต่างชาติ
“ภูเก็ต” กำลังเปลี่ยนผ่านจากเกาะท่องเที่ยว สู่สนามประลองของผู้พัฒนาอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ หลังจากดีมานด์จากต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนรัสเซีย หลั่งไหลเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยรูปแบบ “พูลวิลล่า” ด้วยเงินสด และความต้องการยังมีอย่างต่อเนื่องในปี 2568
ตามรายงานของ คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า มูลค่าการลงทุนรวมในภาคอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตยังสูงถึง 34,986 ล้านบาท สะท้อนความมั่นใจของทั้งผู้พัฒนาและผู้ซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งไปยังตลาดพูลวิลล่าระดับราคา 30-50 ล้านบาท โดยเฉพาะในทำเลฝั่งตะวันตกของเกาะ อาทิ เชิงทะเล หาดลายัน หาดบางเทา กมลา หาดในยาง และราไวย์
ความแตกต่างของดีมานด์ต่างชาติกับตลาดไทยชัดเจนในแง่พฤติกรรมซื้อ กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอสเซทไวส์ วิเคราะห์ว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯจำนวนมากแห่มาทำพูลวิลล่า เพราะ “กำไรต่อยูนิตสูง” และที่สำคัญคือ “จบดีลไว” ด้วยเงินสด ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อเหมือนลูกค้าคนไทย
“แทนที่จะทำบ้านคนไทยขายได้หลักพันล้าน ทำพูลวิลล่าขายต่างชาติได้ 3,000–6,000 ล้านง่ายกว่า เพราะฝรั่งจ่ายเงินสด ฝรั่งไม่ต้องกู้ธนาคาร”
เลือกทำเล–ใส่ดีไซน์–แข่งขันบริการ
ในสนามพูลวิลล่าภูเก็ตวันนี้ “แบรนด์ใหญ่” ยึดทำเลทองและเน้นเพิ่มความแตกต่างด้วยดีไซน์–ฟังก์ชัน–บริการ เช่น โครงการวีเว่ ภูเก็ต โดยแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งพัฒนาบ้านสไตล์ Modern Minimal พร้อมสระส่วนตัวทุกหลัง หรือ เดอะ ไทเทิล วิลล่า คิราร่า โดยร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือเดอะ ไทเทิล ที่ใส่แนวคิด “Tropical Modern Contemporary” พร้อมคลับเฮาส์ รองรับไลฟ์สไตล์ทั้งไทยและต่างชาติ
ขณะที่แบรนด์ท้องถิ่นที่ครองตลาดมานานอย่าง โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า ก็เปิดเกมจับมือมอนท์เอซัวร์ พัฒนาโครงการโบทานิก้า มอนท์เอซัวร์ ที่หาดกมลา ทำเลหายาก วิวทะเล–โอบล้อมภูเขา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก เช่น InterContinental Phuket Beach Club และร้านอาหารระดับมิชลิน
พูลวิลล่าไม่โอเวอร์ซัพพลาย เพราะ “สร้างไปขายไป”
“ธรรมชาติของพูลวิลล่าไม่มีใครสร้างล่วงหน้าแบบคอนโด เพราะใช้เวลาก่อสร้างหลังละปี บางหลัง 2 ปี”
แม้จะมีหลายแบรนด์เข้าสู่ตลาด แต่ตลาดพูลวิลล่ายังไม่อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย เพราะส่วนใหญ่เป็นลักษณะ “ขายไปสร้างไป” ไม่มีการสร้างล่วงหน้าจำนวนมากเหมือนคอนโดนอกจากนี้ ด้วยราคาต่อยูนิตที่สูงหลายสิบล้าน ทำให้ผู้พัฒนา “กลั่นกรอง” กลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันฝั่งดีมานด์ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัสเซีย ซึ่งคอลลิเออร์สระบุว่า เป็นกลุ่มที่ “ยังจ่ายจริง – ซื้อจริง”
ทำเล Rare Location – ขายไวภายใน 2 เดือน
โครงการ เดอะ ไทเทิล วิลล่า เอสเตลลา ในยาง ของ แอสเซทไวส์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความร้อนแรงของตลาดวิลล่าภูเก็ต ซึ่งสามารถปิดการขาย “ทุกยูนิต” ได้ภายในเวลาเพียง 2 เดือน สะท้อนถึงศักยภาพทำเลที่เดินลงหาดได้ ความเป็นส่วนตัวสูง และใกล้สนามบิน อีกโครงการที่สะท้อนดีมานด์ได้ชัดคือ เดอะ ไทเทิล วิลล่า เชิงทะเล มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ใกล้คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ Mingle Little Hill มีฟังก์ชันบ้าน 3-4 ห้องนอน พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และที่จอดรถ 2-3 คัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การพักอาศัยของกลุ่มต่างชาติอย่างแท้จริง
“ฝรั่งเน้นฟังก์ชันจริงจัง โดยเฉพาะ ‘สระว่ายน้ำ’ ต้องยาวอย่างน้อย 12 เมตร…เขาเอาไว้ว่าย ไม่ใช่เอาไว้นั่งจุ่ม”
จากพฤติกรรมของผู้ซื้อชาวตะวันตก พบว่าจุดขายหลักไม่ใช่เรื่อง “ฮวงจุ้ย” หรือ “เลขที่บ้าน” แต่เน้นดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย พร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์จริง โดยเฉพาะ “สระว่ายน้ำ” ต้องยาว–ลึก–ใช้งานได้จริง
เกมใหญ่ที่ต้องมีทุน–ชื่อเสียง–เครือข่าย
แม้จะดูเหมือนตลาดเปิดกว้าง แต่แท้จริงแล้วเป็น “สนามที่ต้องมีต้นทุน” ทั้งทุนพัฒนา ต้นทุนแบรนด์ และเครือข่ายเอเจนต์ขาย โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นสูง “ชื่อเสียงของโครงการ–เครือข่ายเอเจนต์–คุณภาพงานก่อสร้าง คือ 3 ปัจจัยที่ทำให้ขายได้…ถ้าไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเอเจนต์ต่างชาติ ไม่ตอบโจทย์ฝรั่ง ก็ยากจะปิดการขายได้”
คอลลิเออร์สคาดการณ์ว่า ครึ่งหลังปี 2568 จะมีผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ เข้ามาเปิดตัวโครงการใหม่ในภูเก็ตมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าภูเก็ตคือจุดยุทธศาสตร์ที่ “ต้องแย่งชิง” ทั้งจากดีมานด์ไทยและต่างชาติ ภูเก็ตในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่เกาะท่องเที่ยว แต่เป็น “สมรภูมิอสังหาฯเงินสด” ที่เดิมพันด้วยวิลล่าหรูและดีไซน์พรีเมียม ที่ผู้เล่นต้องมีทั้งสายป่านและสายตาในการเลือกทำเล
"โบทานิก้า" ปักหมุดเกมลักชัวรีในเกาะภูเก็ต
แม้ในสนามวิลล่าภูเก็ตจะมีผู้เล่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น แต่ “โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า” ยังครองสถานะ “ผู้นำตลาดระดับไฮเอนด์” จากจุดแข็งใน 3 มิติ คือ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้ซื้อไฮเอนด์ระดับโลก การออกแบบที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันจริง และชื่อเสียงที่เชื่อถือได้ในสายตาเอเจนต์ต่างประเทศ
ล่าสุดโบทานิก้าฯ จับมือ “มอนท์เอซัวร์” โครงการมิกซ์ยูสซูเปอร์ไฮเอนด์ ริมหาดกมลา เปิดตัวโปรเจกต์ระดับแฟล็กชิป “โบทานิก้า มอนท์เอซัวร์” ที่นับเป็นครั้งแรกที่โบทานิก้าฯ ก้าวเข้าสู่ตลาด “บีชฟรอนต์คอมมูนิตี้” ราคาเริ่มต้น 49-170 ล้านบาท
ตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่รวมกว่า 30 ไร่ ภายใต้ดีไซน์ โมเดิร์น ลักชัวรี ผสานธรรมชาติอย่างลงตัว ทุกหลังมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 372 ถึง 908 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 880 ตารางเมตร ตอบโจทย์กลุ่ม “Global Elite” ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง
อรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหาร โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ระบุว่า ทุกโปรเจกต์ของเราพัฒนาด้วยความเข้าใจลึกซึ้งใน 3 แกนหลัก ได้แก่ Design, Nature และ Quality เราไม่เพียงขายบ้าน แต่ขายประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ
ในมิติของแบรนด์ โบทานิก้าฯ ยังตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำด้วยรางวัลอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ และการที่หลายยูนิตของโครงการก่อนหน้าสามารถ “ปิดการขาย” ได้ในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องสะท้อนถึงทั้งศักยภาพทำเล คุณภาพงานสร้าง และความเชื่อมั่นจากลูกค้าระดับเวิลด์คลาส
“การจับมือกับมอนท์เอซัวร์ คือก้าวสำคัญที่จะยกระดับการพัฒนา ‘พูลวิลล่าหรู’ ไปอีกขั้น พร้อมเสริมจุดยืนของภูเก็ตในฐานะจุดหมายปลายทางด้านลักชัวรีที่คนทั้งโลกจับตา”
สำหรับ โบทานิก้า มอนท์เอซัวร์ มีจำนวนเพียง 41 ยูนิต เท่านั้น โดยโครงการเปิดตัววิลล่าโชว์เคสไปแล้วเมื่อกลางปี 2568 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ทั้งในยุโรป รัสเซีย และเอเชีย ซึ่งตัดสินใจซื้อเพื่อการพักผ่อนและลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว
การบุก “ทำเลบีชฟรอนต์หาดกมลา” ครั้งนี้ ยังสะท้อนทิศทางของตลาดพูลวิลล่าภูเก็ต ที่ไม่ได้แข่งขันกันแค่ราคา แต่เป็นการขยับขึ้นสู่ สงครามคุณภาพ ซึ่งเฉพาะผู้เล่นที่มีทุน–ชื่อเสียง–เครือข่ายจริงเท่านั้น จึงจะอยู่รอดและเติบโตได้ในสมรภูมินี้