ลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งแรงหนุนอสังหาฟื้นเชื่อมั่น - กำลังซื้อ
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.75% และมีผลทันทีนั้น ถือเป็น “ข่าวดี” ที่ส่งแรงหนุนต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งฝั่งอุปสงค์ และอุปทานในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน
สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกใน 3 มิติหลัก คือ “ต้นทุนการกู้ต่ำลง – ฟื้นความเชื่อมั่น – ผ่อนภาระผู้ประกอบการ” ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดบ้านจัดสรรในช่วงครึ่งปีหลังได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ดอกเบี้ยที่ลดลงทันที จะส่งผลดีต่อกลุ่มผู้กู้สินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่ใช้ดอกเบี้ยแบบลอยตัว ภาระผ่อนต่อเดือนจะลดลง เพิ่มความสามารถในการซื้อบ้านในระยะสั้น”
หนึ่งในผลกระทบที่จับต้องได้ชัดเจน คือ ต้นทุนการกู้ยืมลดลง สถาบันการเงินมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อตามมา ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนอยู่แล้ว ทั้งการลดค่าจดจำนอง-ค่าธรรมเนียมการโอน และการยกเลิกมาตรการ LTV สำหรับทุกระดับราคา
“การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณว่า ธปท.ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง”
ขณะเดียวกัน ในมุมของผู้ประกอบการ ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง จะช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนโครงการได้ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นราคาขาย แม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อทั้งฝั่งอุปสงค์ และอุปทาน
“ต้นทุนการระดมทุนที่ถูกลง เช่น การออกหุ้นกู้หรือการกู้ธนาคาร ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาบ้านไว้ได้อีกระยะหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม นายสุนทร ย้ำว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอหากไม่มีการผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ควบคู่กับการเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
“ภาครัฐ และแบงก์ชาติควรมีบทบาทในการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ส่งผ่านดอกเบี้ยที่ลดลงไปถึงผู้บริโภคอย่างเต็มที่ พร้อมปรับเกณฑ์สินเชื่อให้เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน เพื่อให้การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นได้จริง และยั่งยืน”
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์