'โตโยต้า' ทำสถิติขายทั่วโลกพุ่ง 7 เดือนติด ได้แรงซื้อจากตลาดจีน-สหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่ายอดขายของ “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ส” ในเดือนก.ค.ทำสถิติสูงสุดเป็นเดือนที่ 7 นับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดสหรัฐและจีน แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนทางการค้าทั่วโลกก็ตาม
บริษัทรายงานว่ายอดขายทั่วโลกของโตโยต้ารวมถึงแบรนด์ในเครืออย่าง ฮุนได มอเตอร์และฮีโน่ มอเตอร์สเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 963,796 คัน
ยอดขายในตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 6% โดยในทวีปอเมริกาเหนือToyota และ Lexus เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะรถกระบะ, รถ SUV, และรถยนต์ไฮบริดที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20% ส่วนในจีน ยอดขายก็ขยายตัวเช่นกันที่ 5.7% แต่ยอดขายในประเทศกลับลดลง 2%
นอกจากนี้ โตโยต้ามีการผลิตรถยนตร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.6% อยู่ที่ 947,943 คันในเดือนก.ค.
‘ภาษีทรัมป์’ ฉุดกำไรร่วง
ยอดขายของโตโยต้าพุ่งสูงขึ้นในปี 2568 จากความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคแห่ซื้อรถยนต์ในช่วงต้นปีก่อนที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” จะประกาศใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์
ปัจจุบัน รถยนต์จากญี่ปุ่นที่ส่งออกไปสหรัฐมีอัตราภาษีนำเข้าอยู่ที่ 15% ซึ่งแม้จะลดลงจากเดิมที่ 25% แต่ก็ยังถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของอุตสาหกรรม
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โตโยต้าได้ปรับลดประมาณการกำไรประจำปีลง โดยคาดว่านโยบายภาษีของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทมากถึง 1.4 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 9.5 พันล้านดอลลาร์
โตโยต้าคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานสำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2569 ไว้ที่ 3.2 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลง 15.8% จากประมาณการเดิมที่ 3.8 ล้านล้านเยน
ค่ายญี่ปุ่นเผชิญความท้าทาย
ในขณะเดียวกัน บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ มียอดขายทั่วโลกลดลง 7.6% เหลือ 279,727 คันในเดือนก.ค. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดขายในจีนที่ลดลง และการผลิตก็ลดลง 7% เหลือ 277,635 คัน
ส่วนนิสสัน มอเตอร์ กลับมามียอดขายเพิ่มขึ้นในรอบ 16 เดือน เพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 262,745 คัน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่น N7 ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 22% ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าความต้องการรถยนต์ไฮบริดจะยังคงสูง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน โตโยต้า และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อื่นๆ ของญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยจากบริษัทผู้นำตลาดอย่าง BYD Co. ของจีน และ Tesla Inc. ของ อีลอน มัสก์
อ้างอิง Bloomberg