HP รายได้ Q3/68 ดีกว่าคาด รับแรงหนุน AI PC-อัปเกรด Windows 11
HP Inc. รายงานรายได้ Q3/68 เพิ่มขึ้น 3% แตะ 1.393 s,njนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จากกระแสความต้องการคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และรอบการเปลี่ยนสู่ Windows 11
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 06.14 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า HP Inc. รายงานรายได้ไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สาเหตุจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรอบการอัปเกรดสู่ Windows 11
ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าตลาด PC จะมีรอบการเปลี่ยนใหม่ (refresh cycle) ที่แข็งแกร่ง หลังจาก Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในเดือนตุลาคม ผู้ใช้และองค์กรต่าง ๆ จึงต้องหันไปใช้ Windows 11 เพื่อความปลอดภัยและเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิต PC อย่าง HP และ Dell
Karen Parkhill ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของHP กล่าวว่า“เรามั่นใจในโอกาสของตลาด PC และคาดว่าจะเห็นแรงหนุนต่อเนื่องจากการเปลี่ยนมาใช้ Windows 11 และการยอมรับ AI PC”
อย่างไรก็ตามผลประกอบการเกิดขึ้นท่ามกลางนโยบายการค้าของสหรัฐที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ผลิต PC ต้องปรับสมดุลซัพพลายเชนอยู่เสมอ ส่งต่อภาระต้นทุนที่สูงขึ้นให้ลูกค้า และรับมือกับความไม่แน่นอนด้านราคา
Enrique Lores ซีอีโอของHP เปิดเผยว่า บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตเกือบทั้งหมดสำหรับสินค้าที่ส่งไปยังอเมริกาเหนือออกจากจีน ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เม็กซิโก และบางแห่งในสหรัฐ โดยเหลือเพียงสินค้าปริมาณน้อยและไม่สำคัญบางรายการในจีน
ผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม HPมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 3% เป็น 1.393 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.370 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ LSEG
สำหรับไตรมาส 4 HPคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ปรับปรุงจะอยู่ในช่วง 0.87–0.97 ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับประมาณการนักวิเคราะห์ที่ 0.92 ดอลลาร์ต่อหุ้น อย่างไรก็ดี หุ้นHP ร่วงลงประมาณ 2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
บริษัทระบุว่าตัวเลขคาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้าง ธุรกรรม ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน และภาษี คิดเป็นราว 0.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ในไตรมาส 3 HPมีกำไรต่อหุ้นปรับปรุงที่ 0.75 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยรายได้ของหน่วยธุรกิจ Personal Systems (รวม PC ผู้บริโภคและเชิงพาณิชย์) เติบโต 6% อยู่ที่ 9.93 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Printing (เครื่องพิมพ์และบริการ) ลดลง 4% เหลือ 4 พันล้านดอลลาร์
อ้างอิง : reuters.com