"ธนาธร" ชี้ 20 ปีความขัดแย้งทางการเมืองทำไทยทรุดทุกด้าน ฟื้นไม่ต่ำกว่า 10 ปี แนะเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่-ฟื้นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่หอประชุมศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวปาฐกถาในงาน “เศรษฐกิจ-การเมือง ที่มีสมองและหัวใจ” ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสพัฒนา ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองพังเสมือนบ้านที่เสาหลักหักโค่น การฟื้นฟูจะใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี
นายธนาธรระบุว่า ตั้งแต่ปี 2548 ประเทศไทยมีนายกฯ 9 คน ถูกศาลรัฐธรรมนูญปลดออก 4 คน ยุบพรรคใหญ่ 9 พรรค มีรัฐประหาร 2 ครั้ง ยกเลิกการเลือกตั้ง 2 ครั้ง และชุมนุมใหญ่ 4 รอบ สะท้อนว่าประเทศยังไร้กติกาทางการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ส่งผลให้ทรัพยากรถูกใช้เพื่อแย่งชิงอำนาจมากกว่าพัฒนาชาติ
เขาชี้ว่า เศรษฐกิจไทยชะลอต่อเนื่องจากเฉลี่ยโตปีละ 7.3% ในทศวรรษ 2530 เหลือเพียง 2% ในทศวรรษ 2560 ขณะเดียวกันปัญหาสังคมสูงวัยรุนแรง เด็กเกิดใหม่ลดฮวบจาก 1 ล้านคนต่อปี เหลือเพียง 4 แสนคน เพราะภาระค่าใช้จ่ายสูงและขาดความมั่นคง
ด้านงบประมาณ นายธนาธรเผยว่า 20 ปีที่ผ่านมารัฐใช้งบรวม 53 ล้านล้านบาท แต่กลับไม่ได้เพิ่มศักยภาพประเทศอย่างชัดเจน หนี้สาธารณะและดอกเบี้ยพุ่ง กระทบความสามารถลงทุนอนาคต ขณะที่งบดุล SMEs และครัวเรือนทรุดหนัก เหลือเพียงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่แข็งแรงแต่ลงทุนหลักในต่างประเทศ
เขาย้ำว่า ไทยไม่ได้สร้างอุตสาหกรรมใหม่มานานนับจากความสำเร็จในสิ่งทอ เหล็ก ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์เมื่อหลายทศวรรษก่อน ทั้งที่โอกาสยังมี เช่น การตั้งห่วงโซ่อุปทานรถไฟในประเทศ ใช้งบเพียง 8 พันล้านบาท แทนการนำเข้ารถไฟมูลค่า 2 แสนล้านบาทในอนาคต
นายธนาธรเสนอว่า ต้องปฏิรูประบบงบประมาณ เลิกใช้นโยบายประชานิยมเพื่อคะแนนเสียง เน้นวางรากฐานระยะยาว ทั้งสร้างความสามารถแข่งขัน ฟื้นระบบนิติรัฐ ประชาธิปไตย และค่านิยมสิทธิมนุษยชน พร้อมเดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมใหม่อย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศมี “เศรษฐกิจและการเมืองที่มีสมองและหัวใจ” ในอนาคต