ร่วมใจเยียวยา "ประชาชน - ทหารกล้า" เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา
เหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้จุดชนวนความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ สร้างความสูญเสียเกิดขึ้นให้ทั้งพลเมืองไทยและรวมถึงทหารกล้าผู้ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติ ในเขตแดนไทย-กัมพูชา แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ไม่ถอย
ทุกชีวิตที่อุทิศเพื่ออธิปไตยของชาติ คือ ความกล้าหาญ และเสียสละ ของเหล่านักรบแนวหน้าทุกนาย จะไม่มีวันเลือนหาย และไม่มีวันสูญเปล่า รัฐบาล กองทัพ และทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างผนึกกำลังกันดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ทั้งการจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ เงินช่วยเหลือ รวมถึงการสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้ชีวิตของคนข้างหลังเดินหน้าต่อได้
วันนี้ ไทยพีบีเอสออนไลน์ ขอร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของผู้กล้า และรวบรวมข้อมูลมาตรการดูแลช่วยเหลือ เพื่อส่งต่อความหวังและกำลังใจให้ทุกครอบครัวของเหล่าทหารกล้า
สถาบันการศึกษา ให้ทุนการศึกษาบุตรหลานทหารกล้า
สถาบันการศึกษา มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ดังนี้
กลุ่มในเครือวงษ์ชวลิตกุล ที่มีโรงเรียนในเครือ ได้แก่ โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล มอบทุนการศึกษาแก่บุตรหลานทหารกล้าเต็มจำนวน (ตั้งแต่ประถมจนจบปริญญาตรี รวมถึงสายอาชีวะ)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบทุนการศึกษาฟรีที่จุฬาฯ จนเรียนจบแก่บุตรและคู่สมรสของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และประชาชนผู้เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตย ทั้งนี้ เพื่อยกย่องผู้เสียสละ และเป็นกำลังใจให้กับทหารและประชาชนผู้สูญเสียจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี เสนอรับ ด.ญ.จุฑามาศ สีจุ้ยจ้าย หรือ น้องปิ่นมุก ลูกสาวของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย เข้าเรียนโควตาพิเศษโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี โดยไม่ต้องสอบ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มอบทุนการศึกษาเรียนฟรีระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ และสาขานิติศาสตร์ ให้กับทายาท คู่สมรส ของทหาร และ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ได้สละชีวิต และทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ทุพพลภาพทางร่างกาย
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประกาศนโยบายตอบแทนคุณทหารผู้เสียสละเพื่อชาติ ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดหลักสูตร ให้แก่บุตรและภรรยาของทหารผู้เสียชีวิต และบุตรของทหารผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้กล้าหาญที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ออกประกาศระงับหนี้ให้ผู้กู้ยืม ที่เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เสียชีวิตในการปะทะจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา
สถาบันพระบรมราชชนก ได้เสนอเรื่องพิจารณาขออนุมัติหลักการ โครงการมอบโควตาและสิทธิพิเศษทางการศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้โครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัว ตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย (9 หมอ)
ยกหนี้-ลดภาระหนี้ ช่วยทหาร-ประชาชนจากเหตุชายแดน
ธนาคารพาณิชย์-แบงก์รัฐ ออกมาตรการเยียวยาจากเหตุการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง "ยกหนี้" ให้กับทหารที่เสียชีวิต จากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา พร้อม "พักชำระหนี้" และสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่
1. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับ ทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ
2. ธนาคารกรุงไทย - ออกมาตรการยกหนี้ให้กับทหาร และ ตชด. ที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือ สูญเสียอวัยวะ จากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกสัญญาเงินกู้ทั้งหมด 100% ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภท
3. ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) ประกาศยกหนี้ทุกบัญชี ให้กับ ทหารที่เสียชีวิต จากเหตุปะทะ จำนวน 4 นาย พร้อมกับ มอบเงินสนับสนุน และช่วยเหลือทหารตามวงเงินประกัน
3.1 กลุ่มกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะในช่วงวันที่ 24-29 กรกฎาคม 2568
กรณีที่มีสินเชื่อคงค้าง ทีทีบียกหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสินเชื่อ ทีทีบี ทุกบัญชีที่มีกับธนาคารให้กับทหารกล้า 4 นายที่เสียชีวิต เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระแก่ครอบครัวทหารกล้าที่สละชีพ มอบความคุ้มครองชีวิตจากสิทธิสวัสดิการพิเศษ
สำหรับกำลังพลในสังกัดกองทัพบกที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี ทีทีบี ร่วมมือกับบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุนและช่วยเหลือให้ทหารกล้า 6 นาย ที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี ทีทีบี รายละ 150,000 บาท เป็นกรณีพิเศษ ความคุ้มครองชีวิตจากบัญชี ทีทีบี ออลล์ฟรี ทีทีบี ร่วมมือกับบริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุนช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษให้กับ 7 ทหารกล้าที่มีบัญชี ทีทีบี ออลล์ฟรี รายละ 100,000 บาท
3.2 กลุ่มกำลังพลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ณ พื้นที่แนวชายแดน
ธนาคารส่งมอบความห่วงใยและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสนับสนุนน้ำดื่มจำนวน 30,000 ขวด และของใช้จำเป็น ได้แก่ ชุดเสื้อ-กางเกง-ถุงเท้า-หน้ากากอนามัย จำนวน 1,000 ชุด
4. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ออกมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าจากเหตุการณ์ชายแดน ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยและมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
4.1 ลูกค้าปัจจุบันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือที่อยู่อาศัยเสียหายจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดน ได้รับอัตราดอกเบี้ยลดลงจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเหลือเพียง 0.01% ต่อปี นาน 5 ปีแรก และปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกรณีซื้ออุปกรณ์ / ชำระหนี้ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.495% ต่อปี
4.2 สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ หรือ ทุพพลภาพถาวร หรือเสียชีวิต ได้รับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเหลือ 0.01% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
4.3 สำหรับลูกค้าในพื้นที่ที่ต้องการกู้เพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิม ได้รับอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี เดือนที่ 7 – 12 เท่ากับ 0.50% ต่อปี ปีที่ 2 – 3 เท่ากับ 2.50% ต่อปี ปีที่ 4 – 5 เท่ากับ 3.50% ต่อปี ปีที่ 6 – 10 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี และปีที่ 11 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
5. ธนาคารออมสิน จัด 4 สินเชื่อพิเศษดอกเบี้ย 0% 3 มาตรการออก สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ 4 ประเภท โดยทุกประเภทคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก ไม่ต้องรับภาระดอกเบี้ยในช่วงเริ่มต้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังประสบปัญหาทางการเงินจากการต้องหยุดประกอบอาชีพ ขาดรายได้ หรือทรัพย์สิน/ที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและฟื้นคืนสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
มาตรการสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ เปิดให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ดังนี้
สินเชื่อฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่อง ไม่ต้องใช้หลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ไม่ต้องชำระทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นใน 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 24 เดือน สำหรับผู้มีอาชีพ มีรายได้ สัญชาติไทย ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
สินเชื่อฟื้นฟูบ้าน เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 – 24 = 2.000% ต่อปี ปีที่ 3 = MRR – 3.350% และปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR – 0.750% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ กรณีลูกค้าเดิมผ่อนชำระไม่เกินระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเดิม โดยธนาคารสนับสนุนค่าประเมินหลักทรัพย์ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อราย
สินเชื่อฟื้นฟูรายย่อย เพื่อเป็นเงินทุนหรือซ่อมแซมสถานประกอบการ ไม่ต้องใช้หลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย ไม่ต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยใน 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 เป็นต้นไป = 15.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 84 เดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือบุคคลธรรมดา ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
สินเชื่อฟื้นฟู SME เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการฟื้นฟูกิจการ อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ให้กู้เท่าที่จำเป็นและความสามารถในการชำระคืน เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
6. BAM ยกหนี้-พักหนี้ถึง 31 ธ.ค.68 บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จากเหตุการณ์ความไม่สงบในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา BAM มีความห่วงใยทหาร ตำรวจ ข้าราชการ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ หากเป็นลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้กับ BAM ที่ถือเป็นวีรบุรุษผู้เสียสละทั้ง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ บุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพในขณะปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา BAM จะยกหนี้ให้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่วนกรณีลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบและทำให้ขาดรายได้หรือรายได้ลด ส่งผลกำลังความสามารถในการชำระหนี้ลดลง BAM พร้อมพักชำระหนี้ให้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออกมาตรการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม และลูกค้าของ บสย. โดยมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และลูกค้าเดิมของ บสย. ที่อยู่ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
ผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน และค่าจัดการค้ำประกันโดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมสำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
ขยายการพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม ที่อยู่ในระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้
พร้อมด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่อง ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Bizวงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
และ 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000 – 500,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำประกัน และขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่น คือ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ปีต่อไปชำระต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันสูงสุด 7 ปี
รัฐอนุมัติทหารเสียชีวิตเยียวยา 10 ล้าน – พลเรือน 8 ล้าน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (5 ส.ค. 2568) เห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
กรอบเวลาและผู้มีสิทธิได้รับเยียวยา ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. 68 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
อัตราเงินเยียวยา เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตชด.)
- เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 10 ล้านบาท
- บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท (พักรักษาตัวใน รพ. เกิน 20 วัน)
- บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. 2 - 20 วัน)
- อัตราเงินเยียวยา ประชาชน
- เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 8 ล้านบาท
- บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. เกิน 20 วัน)
- บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท (พักรักษาตัวใน รพ. 2 - 20 วัน)
กรอบวงเงินงบฯ เยียวยา (ตั้งแต่ 16 ก.ค. - 2 ส.ค. 68) จำนวน 404.60 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบกลางฯ เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี และกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยตามระเบียบ นร. ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อ่านข่าว : เปิดตัว "บุ๋ม-ปนัดดา" นั่งโฆษก ศบ.ทก. ตอบโต้เฟกนิวส์กัมพูชา