เครื่องดื่มป้องกันการเมาค้าง ได้ผลจริงหรือ คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้
มีอะไรอยู่ในอาหารเสริมป้องกันการเมาค้าง
ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งแคปซูล ผงชงดื่ม หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป โดยส่วนใหญ่จะอ้างว่าสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ส่วนผสมที่พบบ่อย ได้แก่
- อิเล็กโทรไลต์ ช่วยชดเชยการขาดน้ำ
- วิตามินบีและซี เสริมการทำงานของร่างกายและระบบประสาท
- สารสกัดสมุนไพร เช่น DHM (จากต้นองุ่นญี่ปุ่น) หรือ Milk Thistle ที่เชื่อมโยงกับสุขภาพตับ
- โปรไบโอติก ที่บางบริษัทอ้างว่าสามารถช่วยเร่งการสลายสารพิษจากแอลกอฮอล์
ชื่อแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ต่างนำเสนอจุดขายคล้ายกัน คือ “ช่วยให้ตื่นเช้ามาอย่างสดชื่นแม้ดื่มหนักเมื่อคืน”
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ายังไง?
แม้จะดูน่าสนใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันประสิทธิภาพของอาหารเสริมเหล่านี้ ยังไม่ชัดเจนดร.โรเบิร์ต สวิฟต์ ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ระบุว่า จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นการทดลองแบบ “double-blind placebo-controlled” ที่สามารถยืนยันว่าอาหารเสริมเหล่านี้ช่วยป้องกันหรือบรรเทาเมาค้างได้จริง
มีงานวิจัยเล็กๆ ที่บริษัทผู้ผลิตบางรายสนับสนุน เช่น การทดสอบ Myrkl พบว่าผู้ใช้มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ถึงร้อยละ 70 แต่ผลดังกล่าวไม่ได้วัดโดยตรงถึงอาการเมาค้าง เช่น ปวดหัว หรืออ่อนเพลีย และยังไม่พบความแตกต่างในการทำงานของสมอง
ขณะเดียวกัน งานทบทวนการวิจัยกว่า 20 ชิ้นก็สรุปว่า หลักฐานที่มีอยู่ ยังอยู่ในระดับต่ำมาก และไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าอาหารเสริมใดได้ผลจริง
ทำไมเมาค้างถึงแก้ยาก?
- อาการเมาค้างไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของหลายปัจจัยรวมกัน ได้แก่
- การสะสมของสารพิษอะเซทัลดีไฮด์ (acetaldehyde)
- ภาวะขาดน้ำจากฤทธิ์ขับปัสสาวะของแอลกอฮอล์
- การอักเสบและความไม่สมดุลของฮอร์โมน
- การรบกวนการนอนหลับ
- ดังนั้น แม้การกินวิตามินหรืออิเล็กโทรไลต์อาจช่วยบางส่วน แต่ไม่สามารถลบล้างอาการทั้งหมดได้
ผู้เชี่ยวชาญเตือน: อาจเป็นดาบสองคม
แม้ผู้บริโภคบางรายรีวิวว่า “ตื่นมาแล้วสดชื่นขึ้น” หรือ “รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย” แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า อาหารเสริมเหล่านี้อาจสร้างความเข้าใจผิด ทำให้บางคนกล้าดื่มหนักขึ้นเพราะคิดว่ามีตัวช่วยรับรอง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อพฤติกรรมดื่มแบบเกินพอดี และส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาวมากกว่าเดิม
ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การติดสุราและโภชนาการหลายคนมีมุมมองสอดคล้องกันว่า แม้อาหารเสริมป้องกันเมาค้างจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ควรถูกมองว่าเป็น “ยาวิเศษ” การดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนเพียงพอ ยังคงเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการบรรเทาอาการเมาค้าง เนื่องจากช่วยชดเชยการขาดน้ำและฟื้นฟูสมดุลร่างกาย
อาหารเสริมอาจช่วยได้บ้างในระดับหนึ่ง เช่น ลดอาการอ่อนเพลียหรือเพิ่มเกลือแร่ แต่ไม่สามารถแก้ไขอาการทั้งหมด และไม่ควรฝากความหวังไว้มากเกินไปดร.โรเบิร์ต สวิฟต์ จากมหาวิทยาลัยบราวน์ ย้ำว่า “สิ่งที่เรารู้แน่ ๆ คือ อาหารเสริมเหล่านี้ไม่ได้แทนที่การดื่มอย่างมีสติได้ วิธีเดียวที่จะป้องกันเมาค้างได้จริง คือการดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและดูแลสุขภาพพื้นฐานของตัวเอง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เมาแล้วขับ = หมดอนาคต” ทำไมดาราเกาหลีที่เมาแล้วขับถึงถูกสังคมลงโทษรุนแรง?
- “ซงยองกยู” นักแสดงสมทบชื่อดังถูกพบ "เสียชีวิต" อยู่ในรถของตัวเอง จบชีวิตการแสดงในวัย 55 ปี
- เตือนระวัง! ห้ามขายเหล้า วันพระใหญ่ ผิดกฎหมาย เผย 97% ร้านเหล้าทั่วไทย ยังไม่ได้รับอนุญาต
- สารในเห็ดขี้ควาย อาจช่วยให้นักดื่ม “ลด” การดื่มลงได้ !?
- สรุปแนวทางใหม่ “ฟ้องคดีเมาแล้วขับ” ชงศาล “ริบรถผู้ก่อเหตุ ”