กลัวอะไรกันอยู่? 'โรคกลัว Phobia' อาการทางจิตที่ส่งผลต่อชีวิต
สัญญาณของ“โรคกลัว” หรือ“phobia” หลายครั้งที่คนใกล้ตัว คนรู้จัก หรือแม้แต่ตัวเราเองรู้สึกหวาดกลัวบางสิ่งอย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการกลัวความสูง กลัวสัตว์ หรือกลัวสถานการณ์บางอย่างมากเกินไป สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความกลัวธรรมดา
“โรคกลัว (phobia)” ไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังกระทบต่อชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคกลัวอย่างละเอียด ทั้งสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย รวมถึงแนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี
เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคกลัวของคุณโดยตรง คุณจะตระหนักได้ว่าความกลัวนั้นรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่การรู้เช่นนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคุณ
หากคุณพบเจอสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดโรคกลัว คุณจะรู้สึกกลัวหรือ วิตกกังวลอย่างรุนแรง คุณอาจจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นเรื่องยากมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'จิตแพทย์' แนะชาวโซเซียลเบามือเมนต์ 'สีกากอล์ฟ' หวั่นกระทบจิตใจลูก
เปิดแล้ว! 'ศูนย์ซึมเศร้า'BMHH ชู 'ยาพ่นจมูก' นวัตกรรมลดซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย
กลัวขนาดไหนที่มีความเสี่ยง “โรคกลัว”
ผศ. นพ.คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า โรคกลัว เป็น โรควิตกกังวล ชนิดหนึ่งที่จะมีอาการกลัวขั้นรุนแรงต่อสถานการณ์หรือบางสิ่งบางอย่างโดยจะไม่ค่อยมีเหตุผลแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน จนอาจจะมีอาการคล้ายโรคแพนิก ได้แก่ ใจสั่น ใจเต้นแรง หายใจเร็ว มือเท้าเย็น ท้องไส้ปั่นป่วน และเวียนหัวตาลาย
ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุของโรคอย่างชัดเจน แต่พบว่าอาจเกิดจาก
- เคยมีปัญหาหรือเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ
- พบเจอ ได้ยิน หรือเห็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจ
- พันธุกรรม
- ความผิดปกติของสมอง
- ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
อาการ “โรคกลัว” มีอะไรบ้าง?
โรคกลัว (phobia) อาการทางจิต ที่ควรระวัง มักจะมีอาการดังนี้
- ตื่นกลัว
- วิตกกังวลรุนแรง
- ควบคุมตัวเองไม่ได้
- หัวใจเต้นเร็ว
- ความดันเลือดสูง
- หายใจถี่
- เหงื่อออก
- ปวดหัว เวียนหัว
- พูดติดขัด
- ปากแห้ง
- คลื่นไส้
- มือ เท้า ตัวสั่น
- เป็นลมหมดสติ
- กล้ามเนื้อตึงชา
โรคกลัวเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?
แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะอธิบายว่าตนเองกลัวอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง เช่น งูหรือความสูง แต่นั่นไม่เหมือนกับโรคกลัว (phobia) ในความเป็นจริงแล้ว โรคกลัวไม่ได้พบได้บ่อยนัก
โรคกลัวอย่างเฉพาะเจาะจง : อัตราการเกิดโรคกลัวเฉพาะอย่างอาจแตกต่างกันไปตามอายุ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่มักมีอาการนี้ก่อนอายุ 10 ขวบ
ในสหรัฐอเมริกา มีเพียงประมาณ 8% ถึง 12% เท่านั้นที่เข้าข่ายอาการกลัวอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก มีเพียง 2% ถึง 6% เท่านั้น
เด็ก : ทั่วโลกมีเด็กประมาณ 3% ถึง 9% ที่มีอาการกลัวอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกลุ่มวัยรุ่น (อายุ 13 ถึง 17 ปี) ในสหรัฐอเมริกา มีเด็กประมาณ 16% ที่มีอาการนี้
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) : อัตราการเกิดโรคกลัวเฉพาะมีแนวโน้มลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยประมาณอยู่ที่ 3% ถึง 5% สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีอาการกลัวบางอย่างมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า
แนวโน้มของการเกิด "โรคกลัว"
แนวโน้มการเกิดโรคกลัว เฉพาะอย่างจะดีที่สุดเมื่อได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเริ่มแรก หากไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตของคุณ
การรักษาอาการกลัว ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก แม้ว่าคุณจะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรคกลัว เพราะไม่ได้มีอาการใดๆ มานานอย่างน้อยหกเดือนแล้วก็ตาม ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือมีโรคกลัวชนิดใด
กลัวแบบไหนถึงจะเข้าข่าย โรคกลัว
อาการกลัวของโรคกลัว ติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่วนมากจะมีอาการทั้งทางกายและจิตใจ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบาก เช่น ต้องหลีกเลี่ยงบางสถานที่ ไม่สามารถเดินทางโดยยานพาหนะบางประเภท หรือถ้าต้องไปก็อาจมีความเครียด-กังวลอย่างมาก โดยหากมีลักษณะดังกล่าวเป็นเวลานานควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับคำปรึกษา
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคกลัว
- กระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ทั้งเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก
- ขาดโอกาสในการเข้าสังคม
- เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีความสุข
- โรคซึมเศร้า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
- อาจใช้วิธีจัดการกับความเครียดอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้สารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- โรคหัวใจ
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD )
- โรคพาร์กินสัน
- อาการเสียสมดุลและเวียนศีรษะซึ่งอาจทำให้เกิดการล้มและบาดเจ็บจากการล้มได้
- โรคสมองเสื่อมและอาการสมองเสื่อม
โรคกลัวอย่างจำเพาะเจาะจงมีกี่ประเภท
- กลัวสัตว์ เช่น สุนัข แมว นก แมลงต่าง ๆ กลัวในบางสถานการณ์ เช่น ที่แคบ ที่สูง การโดยสารยานพาหนะ เช่น เครื่องบิน เรือ การดำน้ำ
- ภัยธรรมชาติ เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว
- การพบเห็นเลือด เช่น เกิดอุบัติเหตุเลือดออก การฉีดยา การเจาะเลือด ให้เลือด
- กลัวสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น สิ่งของต่าง ๆ เสียงดัง
โรคกลัว ที่พบได้บ่อย
กลัวที่แคบ (claustrophobia) : จะมีอาการอึดอัด ใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อต้องอยู่ในที่แคบ ๆ ไม่ปลอดโปร่ง
กลัวเลือด (hemophobia) : ความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงเมื่อเห็นเลือด จะมีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
กลัวเครื่องบิน (aerophobia) : หวาดกลัวหรือกังวลว่าเครื่องบินจะตก พื้นฐานของคนที่กลัวเครื่องบินมาจากการกลัวความสูงหรือกลัวที่แคบมาก่อน
กลัวความสูง (acrophobia) : มีความรู้สึกกลัวใจสั่น มือขาสั่น ไม่กล้ามอง เมื่อต้องอยู่บนที่สูง ๆ บางคนอาจกลัวจนเกิดอาการช็อกได้
กลัวเชื้อโรค (mysophobia) : มีความกลัวและกังวลเกี่ยวกับสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคต่าง ๆ กลัวที่จะสัมผัสกับสิ่งของสาธารณะ โรคนี้จะทำให้คนที่เป็นรักความสะอาดมาก ๆ ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา
กลัวเข็ม (needle phobia) : ความกลัวเมื่อเห็นเข็มส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเข็มฉีดยา ทำให้มีอาการใจสั่น ใจเต้นแรง หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
แนวทางการรักษาโรคกลัว
- ปรับพฤติกรรมและฝึกจิตใจ เช่น การออกกำลังกายหรือการนั่งสมาธิ ค่อย ๆ ฝึกเผชิญจากสิ่งที่กลัวเล็กน้อยไปสิ่งที่กลัวมาก
- ฝึกปรับความคิด เช่น การให้กำลังใจตัวเอง คิดเรื่องผ่อนคลายสบายใจเมื่อเผชิญ
- พบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาแบบจิตบำบัด
- ใช้ยา เช่น ยาคลายเครียด ยารักษาโรควิตกกังวล
- ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
โรคกลัวสามารถป้องกันได้หรือไม่?
โรคกลัวเกิดขึ้นได้อย่างคาดเดาไม่ได้ และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกลัวเป็นสิ่งที่แต่ละคนประสบพบเจอต่างกัน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีวิธีใดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคกลัวได้ นอกจากนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ทราบแน่ชัดในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้
เมื่อเป็นโรคกลัวควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
- กล้าเผชิญกับสิ่งที่กลัว
- ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความวิตกกังวล เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และดีต่อสุขภาพ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- มีปฏิสัมพันธ์ ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในสังคม
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น หลีกเลี่ยงการดูแลทางการแพทย์หรือทันตกรรมเป็นประจำ เพราะกลัวเข็มฉีดยา ทันตแพทย์ ฯลฯ
- การเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น การย้ายออกจากพื้นที่ชายฝั่งเพราะกลัวพายุเฮอริเคน
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งกระตุ้นเช่น หลีกเลี่ยงการซื้อบ้านหรือหางานทำในสถานที่ที่มองเห็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือมหาสมุทร เพราะกลัวน้ำ กลัวการว่ายน้ำ หรือกลัวการจมน้ำ
- ขอความช่วยเหลือ คุณควรขอความช่วยเหลือทันทีที่สังเกตเห็นอาการกลัวที่รบกวนชีวิตของคุณ การขอความช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมากในการฟื้นตัวของคุณ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการรักษาหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณสั่งยาหรือแนะนำให้เข้ารับการตรวจสุขภาพจิตเป็นประจำ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การรักษาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยคุณได้เร็วขึ้น
- อย่าประเมินคุณค่าของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตต่ำเกินไปการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ รวมถึงการจัดการความเครียดและสุขภาพจิต ล้วนเป็นประโยชน์ต่อคุณในการจัดการหรือเอาชนะโรคกลัว
อ้างอิง:คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล , clevelandclinic