หัวหน้า-ผู้จัดการ ตกเป็นเป้าเลิกจ้างมากขึ้น บริษัทหันใช้ AI แทน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายบริษัททั่วโลกเริ่มลดขนาดองค์กร โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางอย่าง "ผู้จัดการ" หรือ "หัวหน้างาน" มักจะเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่บริษัทมักจะปลดพนักงานออกก่อนใคร รองลงมาคือ กลุ่มผู้บริหารระดับสูง เมื่อตกงานก็ต้องหางานใหม่ แต่เส้นทางสู่งานใหม่กลับไม่ง่าย เพราะทุกวันนี้ตลาดงานแข่งขันกันสูงในตำแหน่งงานระดับนี้อย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้พนักงานวัยทำงานระดับหัวหน้างานต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงในอาชีพ!
ยืนยันจากรายงานของ Live Data Technologies ที่ตีพิมพ์ใน The Wall Street Journal พบว่า จำนวนผู้จัดการทั่วโลกลดจำนวนตัวลงถึง 6.1% โดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม 2022 พฤษภาคม มาจนถึง พฤษภาคม 2025ขณะที่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงลดลง 4.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะที่ บริษัทใหญ่อย่าง Estée Lauder และ Match Group ก็ออกมาระบุว่าได้ปรับลดพนักงานระดับผู้จัดการลงถึง 20% ขององค์กร ขณะที่ยักษ์ใหญ่อื่นอย่าง UPS, Citigroup, Amazon และ Google ต่างก็ลดขนาดทีมบริหารลงเช่นกัน
ไม่ใช่แค่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมก็เริ่มลดจำนวนหัวหน้าทีม โดยข้อมูลจาก Gusto และ Bloomberg ระบุว่า ปัจจุบันหัวหน้างานในองค์กรเหล่านี้มีจำนวนน้อยลง จนทำให้หัวหน้าที่ยังเหลืออยู่ ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเฉลี่ย 6 คน ซึ่งมากกว่าหลายปีก่อนถึง 2 เท่า
“หางานใหม่ยากกว่าที่คิด” เมื่อหัวหน้างาน ต้องสมัครงานใหม่ ในวัยที่ฐานเงินเดือนสูงลิ่ว
ทิฟฟานี ฟูเอนเตส (Tiffany Fuentes) วัย 33 ปี อดีตหัวหน้าฝ่ายสรรหาบุคลากร (HR) ในบริษัทเทคโนโลยี เพิ่งจะถูกเลิกจ้างเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา หลังบริษัทปลดพนักงานทั้งบริษัทลงครึ่งหนึ่ง หลังตกงานเธอรีบหางานใหม่ทันที เธอยอมรับว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าการหางานใหม่จะยากถึงขนาดนี้
“ฉันเคยเป็นฝ่ายจ้างงานมาก่อน แต่พอมาอยู่ในฝั่งของผู้สมัครถึงได้รู้ว่า มีคนที่มีประสบการณ์ และโปรไฟล์คล้ายฉันอยู่เต็มไปหมด และถึงแม้จะได้นัดสัมภาษณ์ แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ไม่มาตามนัด และไม่ติดต่อกลับเลย ฉันเตรียมตัวอย่างดีและตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเขาไม่มา มันรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ” เธอเล่าประสบการณ์การหางานใหม่ที่ยากกว่าในอดีต
ฟูเอนเตส เริ่มตระหนักว่า อาจต้องยอมลดตำแหน่งหรือเงินเดือนเพื่อให้ได้งานใหม่ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกในตลาดงานตอนนี้ เพราะมีข้อมูลจาก Glassdoor ชี้ว่า 22% ของผู้จัดการที่เปลี่ยนงาน มักยอมรับเงินเดือนที่ลดลง และมี 32% ของผู้จัดการ ยอมทิ้งงานตำแหน่งผู้จัดการ ปรับลงเป็นตำแหน่งงานระดับพนักงานทั่วไป
หวั่นถูกปลดออก (Lay Off) กลางทาง จึงเริ่มหางานใหม่ไว้ก่อน
ไม่ใช่แค่คนที่ถูกปลดเท่านั้นที่หางานใหม่ แต่แม้แต่คนที่ยังมีงานประจำอยู่ ก็เริ่มมองหาทางเลือกไว้ล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย เช่น หญิงสาว Gen Z วัย 27 ปี ซึ่งทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ของบริษัทสตาร์ตอัปแห่งหนึ่งในชิคาโก (ไม่ประสงค์ออกนาม) เธอบอกว่า แม้ยังมีงานประจำอยู่ แต่เธอเริ่มหางานใหม่มา 2 เดือนแล้ว เพราะกังวลเกี่ยวกับสถานะของบริษัท และคิดว่าค่าตอบแทนยังไม่เหมาะสม
เธอยังเล่าว่า ตำแหน่งในบริษัทสตาร์ตอัปมักไม่ได้สะท้อนความรับผิดชอบของเนื้องานจริง ทำให้เมื่อต้องหางานใหม่ อาจดูเหมือนไม่ตรงกับคุณสมบัติในประกาศรับสมัครที่ต้องการประสบการณ์นานนับสิบปี ทั้งที่เธอมีความสามารถ และดูแลทีมใหญ่มาก่อน
ขณะที่ สเตซีย์ ดิลลอน (Stacey Dillon) วัย 47 ปี อดีตผู้จัดการด้านประชาสัมพันธ์ ที่ลาออกจากงานเมื่อปลายปี 2024 บอกว่า เธอเคยหางานได้ง่ายในอดีต แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เมื่อก่อนฉันได้งานใหม่ภายในสองสัปดาห์ แต่ยุคนี้กระบวนการหางานยาวนาน คลุมเครือ และแข่งขันกันสูงมาก”
ดิลลอน เคยถูกเชิญให้สมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง เปิดรับสมัครนานถึง 6 เดือน และทำแบบประเมินถึง 5 ชั่วโมงเต็ม แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับการติดต่อกลับเลย “บทเรียนสำคัญ คือ การเปลี่ยนงานไม่ใช่แค่เรื่องตรรกะ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ การเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์คือ หัวใจของการหางานตอนนี้ ฉันเลยหันมาสร้างเครือข่าย พูดคุยพบปะสังคมใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ได้งานพาร์ตไทม์ ในระหว่างหางานประจำ”
ใช้ AI แทนผู้จัดการ? ผู้เชี่ยวชาญเตือน อาจเป็นดาบสองคม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำเตือนว่า การที่บริษัทลดจำนวนผู้จัดการระดับกลาง อาจส่งผลเสียต่อวัฒนธรรมองค์กร เพราะคนกลุ่มนี้คือ สะพานเชื่อมระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับทีมงาน และมีบทบาทสำคัญในการสร้างความผูกพัน ความพึงพอใจ และแรงจูงใจในการทำงาน
ขณะที่หลายบริษัทเริ่มนำ AI มาใช้แทนที่คน หวังเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน แต่บ็อบ ฟรีดแลนด์ (Bob Friedland) วัย 50 ปี จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ตกงานจากการปรับโครงสร้างองค์กร เชื่อว่า การแทนที่ผู้จัดการด้วย AI อาจเป็นความผิดพลาดทางธุรกิจ
“ผู้บริหารระดับสูงไม่อยากตรวจงานซ้ำ พวกเขาต้องการให้ผลลัพธ์มาถึงมือแบบพร้อมใช้ ซึ่งตรงนั้นคือ หน้าที่ของหัวหน้างาน ถ้าเอาคนทำงานระดับกลางออกไป งานอาจไม่มีคนตรวจสอบความถูกต้องอีกชั้น” ฟรีดแลนด์ สะท้อนมุมมองของเขา
อย่ารอได้งานใหม่อย่างเดียว แนะฝึกทักษะ "สร้างเครือข่าย" หางานเสริม
เขาเผยอีกว่า ตลอดสองปีที่หางาน เขาส่งใบสมัครไปแล้วกว่า 750 ตำแหน่ง และแม้จะมีโอกาสมากมายในตลาดงานแต่การแข่งขันก็สูงลิ่ว เช่นเดียวกับสมัยที่เขาเป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งแต่ละตำแหน่งมีผู้สมัครถึง 1,000 คน โดยหลายคนส่งสมัครแบบหว่านแห
ปัจจุบันเขาหันมาเปิดบริษัทที่ปรึกษาเล็กๆ ของตัวเอง เพื่อหารายได้ระหว่างรอจังหวะที่เหมาะสมในการกลับเข้าสู่สายงานบริหารอีกครั้ง โดยเขาได้เริ่มต้นบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง เพื่อทำงานอิสระ และสร้างรายได้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ไม่มีงานประจำ เขาเป็นอีกคนที่เห็นข้อดีของการสร้างเครือข่ายทางสังคม เพื่อช่วยในเรื่องการสร้างงานสร้างรายได้ในสายงานใหม่ๆ ในระหว่างที่เขาหางานใหม่นั้น เขาได้ใช้เวลาลงทุนไปกับการสร้างเครือข่าย ซึ่งนำไปสู่การสัมภาษณ์งานสองสามครั้ง และทำให้เขาได้ลูกค้าสำหรับธุรกิจที่ปรึกษาเล็กๆ ของเขาในช่วงนี้
อ้างอิง: CNBC Make it, The wall street journal, Bloomberg, Glassdoor
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์