ความท้าทายของ ป.ป.ช. กับสถานการณ์ทุจริตไทย แย่สุดในรอบ 10 ปี
เป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI (Corruption Perception Index) ปีล่าสุด 2567 พบว่าจาก 100 คะแนนเต็ม ประเทศไทยได้คะแนน 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก เป็นคะแนนที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยจากปี 2558 – 2567 มีเพียงปี 2558 ปีเดียวที่ได้คะแนนสูงสุด คือ 38 คะแนน จากนั้นสถานการณ์ก็น่าเป็นห่วงมาโดยตลอด
รายการ The Expose PPTV Online จึงไปตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พบว่า การฮั้วประมูล ใช้อำนาจโดยมิชอบ และเรียกรับสินบน คือสามประเภทคดีทุจริต ที่พบมากที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2567 มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 11,662 เรื่อง ป.ป.ช. รับไว้ดำเนินการเอง 3,388 เรื่อง
และหน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากที่สุดคือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีมากถึง 1,550 เรื่อง เป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่รับเข้ามา นอกนั้นก็เป็นในส่วนของกระทรวงมหาดไทย 375 เรื่อง รองลงมาคือกระทรวงศึกษาธิการ 198 เรื่อง และส่วนราชการอื่น ๆ รวมกัน 1,265 เรื่อง
พล.ต.ต. อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยอมรับกับ The Expose ว่าแนวโน้มการทุจริตในประเทศไทยอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง ซึ่งสอดคล้องกับคะแนน CPI ที่กล่าวไปข้างต้น นับเป็นความท้าทายในการทำงานด้านการป้องกันและการปราบปราม ป.ป.ช. จึงต้องเร่งพัฒนากระบวนการทำงานของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เท่าทันกลโกงในยุคนี้
“ 10 ปีที่ผ่านมา คะแนนก็จะอยู่ประมาณนี้ ไม่มีสูงกว่านี้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ เราก็พยายามให้ได้ 50 คะแนน ให้ได้ครึ่งหนึ่งแต่ว่ายังทำไม่ได้ แนวโน้มสถิติคดี 5 ปี จะเห็นว่ามีเรื่องที่ตรวจสอบเบื้องต้นเข้ามาประมาณ 3,500 เรื่อง แล้วก็มีเรื่องตั้งไต่สวนเนี่ยประมาณ 1,100 เรื่อง แล้วก็มีเรื่องรวม ๆ ที่สูงอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้คาดการณ์แนวโน้ม หรือสถานการณ์ ก็จะเห็นว่าแนวโน้ม หรือสถานการณ์ทุจริตในประเทศไทย ก็ยังมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง “
อะไรคือปัจจัยที่เพิ่มความน่าเป็นห่วงให้สถานการณ์ทุจริตในปัจจุบัน ?
The Expose ยังคุยกับรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ต่อไป ถึงปัจจุยที่ทำให้แนวโน้มน่าเป็นห่วงมากขึ้น ซึ่ง พล.ต.ต. อรุณ ฯ บอกว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันจริง ๆ แล้วเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน ตั้งแต่โบราณ เพียงแต่ว่าในอดีต การทุจริตจะเป็นลักษณะง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่สลับซับซ้อนมากขึ้น อุปสรรคสำคัญก็คือการทุจริตเป็นเรื่องของผู้ให้กับผู้รับ เมื่อทั้งสองฝ่ายสมยอมประโยชน์กัน และปกปิดความลับ ก็ยากที่ความผิดนั้นจะปรากฎให้เห็น ไม่เหมือนกับอาชญากรรมทั่วไป เมื่อเกิดแล้วมันก็จะเห็นผลออกมาทันทีเลยนะ มีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าการทุจริตคอร์รัปชัน บางครั้งกว่าจะเกิด หรือว่ากว่าที่จะเห็นต้องใช้ระยะเวลา จึงทำให้เกิดความยากในการตรวจสอบ แล้วทำไมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงพบการทุจริตมากที่สุด คำตอบง่าย ๆ ที่ได้จากรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ก็คือ เพราะว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนมากที่สุดในจำนวนทั้งหมดของหน่วยงานราชการทั้งหมดนั่นเอง
“ ที่เราพบการกระทำความผิดของ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเยอะ เป็นเพราะว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนมาก คือจำนวนหน่วยถ้าเทียบกับอันอื่น เขามีประมาณ 8 พันกว่าแห่ง สถิติแนวโน้มเมื่อเกิดมันก็จะมากกว่าหน่วยงานอื่น เช่น หน่วยงานหนึ่ง อย่างกระทรวง ก็มีอยู่ไม่กี่กรม แต่ อปท. มี 8,000 กว่าหน่วย เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้สัดส่วนดูเหมือนว่าเค้าทำผิดเยอะ”
มาตรการป้องนำปราบ คืออะไร ?
หนึ่งในแนวคิดการปราบทุจริตของ ป.ป.ช. คือการใช้มาตรการป้องนำปราบ คือ การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทุจริตตั้งแต่แรก เพื่อลดการทุจริตลง แต่ไม่ได้หมายความว่าการปราบปรามจะมีบทบาทน้อยกว่า แต่เป็นการทำงานควบคู่กันไปทั้งสองด้าน เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด พล.ต.ต. อรุณ ฯ ยกตัวอย่างเครื่องมือในการปราบทุจริต เช่น ศูนย์ CDC ( Corruption Deterrence Center ) เป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และคอยจับตาข่าวการทุจริตทั้งจากหน่วยงานรัฐ สื่อหลัก สื่อออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหากข้อมูลที่ได้รับมามีน้ำหนักมากพอ ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ หากพบความผิดก็ดำเนินคดี แต่หากไม่พบก็นับว่าเป็นการยับยั้งนุดที่ส่อว่าจะเกิดการทุจริต ไม่ให้เกิดขึ้น
ชมรม STRONG จิตพอเพียง ต้านทุจริต
อีกหนึ่งความร่วมมือจากภาคประชาชน ที่รวมตัวกัน คอยทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับ ป.ป.ช. ด้วยการเฝ้าติดตาม สังเกตการณ์ การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ของตัวเอง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติก็สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาที่ ป.ป.ช. จังหวัด หรือ ส่วนกลาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ปัจจุบัน ชมรม STRONG จิตพอเพียง ต้านทุจริต มีสมาชิกอยู่ทุกจังหวัด จำนวนหลายพันคน
นอกจากมาตรการระยะสั้น ป.ป.ช. ยังมีการป้องกันการทุจริตในระยะยาว ด้วยการนำความรู้เรื่องการทุจริตให้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา จนถึงอุดมศึกษา และยังร่วมมือกับสำนักพระพุทธศาสนาให้นำหลักธรรมคำสอนมาประยุกต์ให้เห็นโทษของการทุจริต เผยแพร่ต่อประชาชน เพื่อเป็นการปลูกฝังให้คนในชาติมีวัฒนธรรมที่ต่อต้านการโกงทุกรูปแบบ
ความร่วมมือจากประชาชนชสำคัญที่สุด
โดยทั่วไปประชาชนส่วนใหญ่ มักคิดว่าปัญหาการทุจริตไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง ดังนั้นจะไม่เข้าไปยุ่ง แม้จะเห็นการทุจริตก็จะไม่แจ้งให้หน่วยงานใดให้ทราบ นั่นอาจเป็นเพราะความกลัวต่ออิทธิพล หรือ อำนาจ ที่อาจได้รับความเดือดร้อนภายหลัง แต่ถ้าหากประชาชนเห็นแล้วไม่ช่วยกันแจ้ง การทำงานของเจ้าหน้าที่ก็อาจจะไม่สำเร็จเช่นกัน ปัจจุบัน ป.ป.ช. จึงมีมาตรการคุ้มครองพยาน การดูแลความปลอดภัย ไปจนถึงระบบการรับแจ้งเรื่องที่รอบคอบ และรัดกุม เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
“อย่าลืมว่าปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่ซับซ้อนนะครับ ยุ่งยากแล้วก็เป็นปัญหาที่มีมานาน เรื้อรังมานานนะครับ เป็นอย่างกับที่บอกว่าเป็นมอดไม้ หรือเป็นปลวกอะนะครับที่คอยกัดกิน พูดง่าย ๆ คือประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมใจ แล้วก็ร่วมมือกันในการต่อสู้ เพราะว่าทุกท่านอยู่ทั่วประเทศ เหมือนเป็นหูเป็น ตาให้กับเจ้าหน้าที่ เพราะ ป.ป.ช. เอง ก็มีอัตรากำลังประมาณ 3 พันคน แม้ว่าจะอยู่ทุกจังหวัดก็จริง แต่ว่าก็จะไม่อยู่ทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนก็ยากที่จะไปปราบปราม”
ไม่ว่ากลยุทธ์ปราบทุจริตของ ป.ป.ช. จะเป็นมาตรการระยะสั้น หรือ ระยะยาว การป้องกันเชิงรุก หรือเชิงรับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความร่วมมือจากประชาชน ป.ป.ช. หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพังหากขาดประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สศอ. เผย ดัชนี MPI พ.ค. 68 ขยายตัว 1.88% พร้อมปรับ GDP ภาคอุตฯเหลือต่ำสุด 0.5%
400 ล้าน! ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน "ปิ่นสาย สุรัสวดี" อธิบดีสรรพากร
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ความท้าทายของ ป.ป.ช. กับสถานการณ์ทุจริตไทย แย่สุดในรอบ 10 ปี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com