SC Asset กางกลยุทธ์ 3B ฝ่าวิกฤตอสังหาฯ เดินหน้าลุย 3 พอร์ตเติบโต
ในสถานการณ์ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง และอุปทานล้นตลาด ส่งผลให้การแข่งขันด้านราคาทวีความรุนแรงขึ้น นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์ "3B" (Believe, Buffer, Blend) ที่จะนำพาองค์กรฝ่าวิกฤต พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตแบบมีเสถียรภาพในระยะยาว
นายณัฐพงศ์ เปิดเผยว่า เอสซี แอสเสท ยังยึดมั่นในกลยุทธ์ 3B เพื่อรับมือกับภูเขาน้ำแข็งแห่งตลาดอสังหาฯ ที่สุดท้ายแล้วจะเป็นบทพิสูจน์ให้กับบริษัทที่เป็น 'ตัวจริง' ในภาวะวิกฤต โดยเน้นย้ำถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมมิติสำคัญดังนี้
- Believe เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสร้างแบรนด์ SC ให้เป็นที่น่าเชื่อถือในด้านคุณภาพ บริการ และความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความผูกพันกับลูกค้าในยามที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง
- Buffer การรักษาฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง และมีหนี้ในระดับต่ำ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน บริษัทกระจายแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งจากสถาบันการเงิน พันธมิตรการลงทุน และการออกหุ้นกู้
โดยในปี 2568 ได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีการร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น อาทิ โตเกียว ทาเทโมโนะ, ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป และนิชิเทตสึ ใน 10 โครงการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน
- Blend การผสมผสานพอร์ตธุรกิจให้หลากหลายเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อกระจายความเสี่ยง และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเดินหน้าขับเคลื่อน 3 เครื่องยนต์ธุรกิจหลัก ดังนี้
Engine for Profit เน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างกำไรสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันตั้งเป้าสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจนี้อยู่ที่ 85% ในครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยกลุ่มสินค้าที่ยังเป็นแกนหลักคือกลุ่มบ้านหรูราคา 20 ล้านขึ้นไป ซึ่งทำให้ยอดขายโครงการแนวราบของ SC Asset เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 118% ในไตรมาสที่สอง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ บริษัทจะขับเคลื่อนให้สัดส่วนกำไรเป็น 75% ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยผลักดันสัดส่วนกำไรของธุรกิจรายได้ประจำมากขึ้น
Engine for Growth พอร์ตธุรกิจสร้างรายได้ประจำ ซึ่งสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจนี้อยู่ที่ 15% ในปีนี้ และจะขับเคลื่อนให้เพิ่มเป็น 25% ภายใน 5 ปี ตัวอย่างธุรกิจนี้ ได้แก่ ธุรกิจคลังสินค้า ที่ปัจจุบัน SC Asset มีพื้นที่ 100,000 ตร.ม.
ซึ่งปล่อยเช่าเต็ม 100% และตั้งเป้าจะขยายเป็น 200,000 ตร.ม. ภายในต้นปี 2569 โดยมีแผนขยายเพิ่มราวปีละ 50,000-100,000 ตร.ม. และธุรกิจโรงแรม KROMO CURIO COLLECTION by Hilton มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ และ The Standard Pattaya Na Jomtien ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
Engine for Future การลงทุนในธุรกิจอนาคต ตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาด ซึ่งขณะนี้บริษัทยังอยู่ในช่วงศึกษาแผนที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยในอนาคตภายใน 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะแบ่งสัดส่วน Engine 1 ที่ 70%, Engine 2 ที่ 25% และ Engine 3 ที่ 5%
สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งีหลัง นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีการแข่งขันสูง แต่ก็มีความหวังจากนโยบายภาครัฐที่เป็นช่วงออกผลชัดเจนยิ่งขึ้น และจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย และความคืบหน้าของนโยบายสิทธิการเช่าทรัพย์อิงสิทธิ 99 ปี ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยปัจจัยเหล่านี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป