พิชัย ชี้ ภาษีทรัมป์ 19% ไทยแข่งขันได้ มั่นใจ ส่งออกโต-ลงทุนพุ่ง
พิชัย ชี้ ภาษีทรัมป์ 19% ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ มั่นใจการส่งออกปีนี้จะยังเป็นพระเอก และการลงทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้าต่อเนื่อง จีดีพี ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2-3% แนะ ทำค่าบาทอ่อนลดผลกระทบภาษีทรัมป์ และ เร่งเจรจา FTA กับ EU ให้เสร็จภายในปลายปี
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดภาษี Tariff กับประเทศไทยที่ 19% ซึ่งเท่ากับ Tariff ของประเทศในอาเซียนหลายประเทศเช่น มาเลเซีย อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ซึ่งต่ำกว่า ประเทศเวียดนามที่โดนเก็บ 20% จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย โดยจะทำให้การส่งออกของไทยที่ตั้งแต่ต้นปี 68 ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาขยายได้ 15% ซึ่งถือว่าสูงมาก จะยังสามารถรักษาระดับการส่งออกทั้งปีให้ขยายตัวต่อได้ แต่อาจจะไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก และ โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่าการส่งออกจะยังคงเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และ หวังว่าการส่งออกทั้งปี 68 จะขยายตัวได้สูงใกล้กับเลข 2 หลัก ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการส่งออกที่ขยายตัวอย่างมากมาจากการปรับโครงสร้างการส่งออกของไทยและการลงทุนที่เข้ามามากขึ้น รวมถึงความมั่นใจที่เกิดจากการเจรจาเขตกาค้าเสรีที่มากขึ้น ไม่ใช่เพราะจะเร่งส่งเพื่อเลี่ยงภาษีทรัมป์อย่างเดียว
นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศที่มีการขอส่งเสริมการลงทุนในครึ่งปีแรกแล้วกว่า 1.05 ล้านล้านบาทซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน จะยังคงขยายตัวในการลงทุนได้ต่อเนื่อง และจะทำสถิติสูงสุดได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมีการลงทุนจริงภายในปีนี้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอนาคต เช่น แผงวงจรไฟฟ้า(พีซีบี), เซมิคอนดักเตอร์, ดาต้าเซ็นเตอร์, Ai, รถยนต์ไฟฟ้า (EV), อุตสาหกรรมดิจิตอล ฯลฯ ซึ่งจะเป็น S- Curve ตัวใหม่ของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 2-3 % ตามที่ตนเองได้เคยบอกไว้แต่แรกว่าจีดีพีปีนี้น่าจะขยายเกินกว่า 2% แน่นอน และ ในปีต่อไปน่าจะดีขึ้นไปอีก โดยหวังว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หดหายไปอย่างมาก
เป็นเรื่องที่ต้องรับรู้กันอยู่แล้วว่า ทุกการเจรจาการค้าจะต้องมีผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมองภาพใหญ่ว่าโดยรวมแล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์มาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยากับผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีรายได้น้อยไม่ให้ได้รับผลกระทบ อีกทั้งถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในโลกสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ควรเร่งทำเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น คือการบริหารจัดการให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเพื่อรองรับภาษี Tariff 19% โดยหวังว่าผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ นายวิทัย รัตนากร จะสามารถทำให้ค่าบาทอ่อนลงมาเพื่อสนับสนุนให้สินค้าไทยมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น และเพิ่มการส่งออก รวมถึงช่วยให้การท่องเที่ยวดีขึ้น เพราะสาเหตุหนึ่งที่นักท่องเที่ยวลดลงเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ทำให้การมาเที่ยวประเทศไทยแพงมากเมื่อเทียบกับการไปเที่ยวประเทศคู่แข่ง นอกจากนี้การเร่งเจรจาเขตการค้าเสรีให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะ FTA กับ EU ที่จะทำให้ประเทศไทยมีเขตการค้าเสรีเพิ่มอีก 27 ประเทศในทวีปยุโรป หลังจากที่ไทยเซ็น FTA กับ EFTA ที่ประกอบด้วยประเทศยุโรป 4 ประเทศแล้ว คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอรเวย์ ไอซ์แลนด์ และ ลิกเตนสไตน์ เมื่อตอนต้นปี นอกจากนี้ยังมี เกาหลีใต้ ยูเออี อาเซียน-แคนนาดา ที่น่าจะเจรจาให้จบได้ภายในก่อนสิ้นปีนี้ อีกทั้ง ภาษี Tariff ของสหรัฐนี้เอง ก็ยังสามารถเจรจาปรับลดลงอีกได้ ตามที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวไว้เอง หากประเทศไทยจะมีข้อเสนอที่ดีในอนาคต
โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นตัวและยังจะไปต่อได้ เพียงแต่จะต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องหนี้ ทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ และหนี้สาธารณะ ซึ่งน่าจะผ่อนคลายมากขึ้นหากรัฐบาลจะสามารถดันจีดีพีให้เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยต้องมีเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นจากการส่งออก การลงทุน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นมาก และ การท่องเที่ยวที่ต้องเร่งแก้ไขให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พิชัย ชี้ ภาษีทรัมป์ 19% ไทยแข่งขันได้ มั่นใจ ส่งออกโต-ลงทุนพุ่ง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th