ผวา!ตายยกรัง กมธ.หั่นงบสภา วงเงิน178ล้าน

“ภัณฑิล” เผยข้าราชการส่งข้อมูลปมแปรงบลงพื้นที่ให้ เหตุกลัวติดร่างแห “กมธ.งบประมาณ” ผวาหนัก ลงมติ 45 เสียงหั่นงบสำนักเลขาธิการสภาฯ 3 โครงการมูลค่า 178 ล้านบาททิ้ง “ศิริกัญญา” บอกความผิดสำเร็จแล้ว ที่ประชุมรุมสับงบสำนักเลขาธิการสภาฯ อื้อทั้งงบซื้อเจ็ตสกี รถนำประธานสภาฯ

เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ค.2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวันที่ 1 ส.ค. จะลงมติวินิจฉัยคำร้องคดีที่ สส.พรรคประชาชน 121 คน ที่นำโดยนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ

โดยนายภัณฑิลยืนยันว่า คำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องของการแปรงบประมาณรายจ่ายประจำปีไปลงในพื้นที่ตัวเองในรูปแบบการตั้งงบอบรมสัมมนาหลายร้อยโครงการ รวมแล้วยอดวงเงินงบประมาณเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ซึ่งที่มาที่ไปของการตรวจสอบการใช้งบดังกล่าวเกิดขึ้นตอนที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองที่มีนายนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน กมธ. เรียกขอดูข้อมูลงบต่างๆ ของสภา เพราะพบว่ามีการจัดสรรงบประจำปี 2569 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากนั้นก็มีข้าราชการของสภาส่งข้อมูลมาให้หลังไมค์กันเต็ม

“ข้าราชการเขามีความอึดอัด มีข้าราชการส่งเอกสารต่างๆ มาให้หลังไมค์ละเอียดมาก ข้าราชการเขาไม่พอใจ ลำบากใจ เพราะหากทำแล้วสุดท้ายคนซวยคือพวกเขาเอง หากทำไปบั้นปลายชีวิตต้องไปติดคุกติดตะราง หรือมีคดีเป็นชนักติดหลังเต็มไปหมด มาตรา 144 บัญญัติไว้ชัดเจน โดยในส่วนของ สส. ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะเคยมีเคสมาก่อนหน้านี้แล้วของสภาที่มีการแปรงบจนเป็นคดีความ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องเดือดร้อน โดน ป.ป.ช.สอบสวน มันร้ายแรง โดนตัดสิทธิตลอดชีวิต หากศาลมีคำวินิจฉัยมาก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง”

ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธาน กมธ. เป็นประธาน ก่อนการพิจารณานายจุลพันธ์ได้แจ้งว่า ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้มี สส.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการพิจารณางบประมาณปี 2569 ของสภาระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยดังกล่าว และเพื่อไม่ให้สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่อาจจะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 จึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาปรับลดงบประมาณในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ซึ่งเป็นรายการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์และเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผลผลิต การส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน 178 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 รายการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนและประชาชนในการปกครองระบอบประชาธิปไตย 2.โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 3.โครงการส่งเสริมบทบาทของเสรีทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยสำนักงบประมาณได้มีหนังสือแจ้งมายัง กมธ. จึงขอปรึกษาหารือกับ กมธ.ทุกท่าน

นายภัณฑิลในฐานะ กมธ.หารือว่า ในฐานะที่เป็นผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญ มีความกังวลว่าหากเราพิจารณาปรับลดงบประมาณลงในวันนี้ จะมีผลต่อการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 ส.ค.นี้หรือไม่

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภายืนยันว่า จะขอถอนทั้ง 3 โครงการออกไป จะได้เดินหน้าต่อไม่ต้องมาเสียเวลา โดยจะทำหนังสือขอถอนโครงการตามมาอีกครั้ง ทำให้นายจุลพันธ์วินิจฉัยว่าขอเดินหน้าในการลงมติว่าจะปรับลงงบประมาณในส่วนนี้หรือไม่ จากนั้นที่ประชุม กมธ.ลงมติเห็นด้วยให้ปรับลง 45 ไม่เห็นด้วย 0 งดออกเสียง 2 และไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 ถือว่าที่ประชุมเห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณจำนวน 178 ล้านบาทของสำนักเลขาธิการสภาฯ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวเรื่องนี้ว่า 3 โครงการมีอยู่ในงบประมาณปี 2568 เป็นโครงการที่เราตั้งข้อสงสัย และศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา ซึ่งจะวินิจฉัยในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักเลขาธิการสภาฯ และ กมธ.คนอื่นก็กังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาจสุ่มเสี่ยง หรืออาจคิดไปว่าหากตัดลดงบประมาณวันนี้หรือถอนออกไปอาจมีผลต่อคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือทำให้ศาลไม่วินิจฉัยต่อ และทำให้ความผิดไม่เกิดขึ้น แต่ความผิดสำเร็จแล้ว แม้ว่าวันนี้จะมีการถอนงบปี 2569 ออกไป

ต่อมา กมธ.ได้ซักถามความชัดเจนต่อการเสนอของบประมาณในหลายโครงการของสำนักเลขาธิการสภาฯ ที่พบว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และไม่สมเหตุสมผล รวมถึงมีบางโครงการที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการเปิดช่องให้ทุจริตคอร์รัปชัน โดยนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ กมธ. ซักว่า ที่รัฐสภามีห้องประชุมเพื่อไว้รองรับการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ล่าสุดได้ยินว่าจะยุบ 3 ห้องประชุมของ กมธ.เพื่อใช้เป็นห้องประชุม ครม.อีก โดยตั้งงบไว้ 117 ล้านบาท ซึ่งไม่เห็นด้วย

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะ กมธ. ตั้งคำถามต่อการเสนอของบในโครงการจัดซื้อรถนำขบวนของประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ รวม 3 คัน มูลค่ารวม 8 ล้านบาท รวมถึงงบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือ ได้แก่ เจ็ตสกี จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ มูลค่า 40 ล้านบาท และเรือรับรอง 1 ลำ มูลค่า 40 ล้านบาท รวมงบประมาณซื้อเรือ 3 ประเภทนั้นมูลค่ากว่า 82 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นมากน้อยแค่ไหน

ด้านนายภัณฑิลอภิปรายท้วงติงต่อการโอนงบประมาณที่เสนอขอในปี 2568 ไปทำโครงการอย่างอื่น เช่น งบพัฒนาเยาวชน 19 ล้านบาทไปเป็นค่าคุรุภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง ชั้นบี 1 และบี 2 ย้ายงบ 11 ล้านบาทไปทำไฟส่องสว่างริมแม่น้ำ ย้ายงบเกี่ยวกับกล้องซีซีทีวี 10 ล้านบาท ไปเป็นเรื่องของจอแอลอีดี นอกจากนั้นแล้วพบว่ายังมีการโอนงบประมาณเพื่อพัฒนาเยาวชนเกี่ยวกับประชาธิปไตย 35 ล้านบาท เพื่อนำไปปรับปรุงภูมิทัศน์ คือ น้ำพุ

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงว่า ประเด็นการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณนั้น เพราะมีการพิจารณาว่าควรแก้ปัญหาด้านต่างๆ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จึงขอเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้การปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ วงเงิน 200 ล้านบาทเป็นงบผูกพันนั้น โดยจะมีพื้นที่ MB1 และชั้น 11 ยังอยู่ในระหว่างการออกแบบ คาดว่ามีนาคม 2569 จะได้ข้อสรุป ส่วนห้องสมุดที่ของบประมาณจัดสร้างใหม่นั้น ข้อเท็จจริงห้องสมุดที่อยู่บริเวณชั้น 9 ไม่ได้ยกเลิก แต่จะสร้างเพิ่มเติมที่ชั้น 1 ซึ่งมีแบบที่ขอความอนุเคราะห์แล้วแต่ยังไม่มีงบดำเนินการ ขณะที่ประเด็นเรือตรวจการณ์และเรือรับรองนั้น ได้ปรับตัดออกไปแล้ว ขณะที่อาคารจอดรถนั้นได้ยกเลิกอีบิดดิ้งแล้ว ส่วนอนาคตจะมีอีกหรือไม่ ต้องให้เป็นส่วนที่เลขาธิการสภาฯ คนใหม่จะพิจารณาตามที่ได้รับมอบนโยบายจากประธานสภาฯ ส่วนห้องประชุม ครม.นั้นจะใช้พื้นที่ห้องริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณชั้น 2 ติดกับห้องของ สส. โดยปรับปรุงพื้นที่ ไม่ได้เบียดบังห้อง กมธ.แต่อย่างใด ขณะที่โครงการปรับปรุงศาลาแก้วเพิ่มไว้รองรับผู้มาวางพวงมาลาและพานพุ่มในวันสำคัญ แต่เมื่อพื้นที่ต้องปรับปรุงพื้นที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 และต้องมีพระราชพิธี ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมของสถานที่ ส่วนงบประมาณจะมีเท่าไรที่เหมาะสมต้องพิจารณาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกฯ กล่าวถึงกรณีแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสนอปรับลดงบกองทัพ โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ เพราะปัจจุบันเข้าสู่ยุคสงครามไซเบอร์ ว่าไม่ทราบ ซึ่งงบประมาณปี 2569 ได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ.งบประมาณแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณา.