9 บริษัทจดทะเบียน ดึงคนดังสุดฮอต รับบทพรีเซนเตอร์ เสริมแกร่งแบรนด์
สร้างกระแสฮือฮาได้มากพอสมควรในแวดวงธุรกิจ เมื่อ CafeAmazon เปิดตัว “คูมอิ้งค์ วรันธร” เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และกระตุ้นยอดขาย ซึ่งที่ผ่านมา มีบริษีทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ที่เลือกใช้ "คนดัง" มาเป็น Brand Ambassador เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการกระตุ้นยอดขาย รวมไปถึงการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวม 9 ผลิตภัณ์ ที่ใช้คนดังมาเป็นส่วนหนึ่งร่วมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
1.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
พี่จอง-คัลแลน หนุ่มเกาหลีหัวใจไทย สองหนุ่มยูทูปเบอร์ชื่อดัง สู่การเป็นพรีเซนเตอร์สมาชิกครอบครัว AIS ภายใต้แคมเปญใหม่ “จริงๆ อุ่นใจ ทั่วไทยเน็ตแรง” ดีที่สุดจากเครือข่าย AIS 5G ในทุกพื้นที่ทั่วไทย ผ่านคลื่นความถี่มากที่สุดกว่า 1460 MHz ทั้งนี้ ทั้งคู่เป็นผู้ใช้งานจริงของ AIS และยังเป็นที่รู้จักในฐานะยูทูบเบอร์จากช่อง Cullen HateBerry ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก การร่วมงานกับ AIS ในครั้งนี้จะทำให้ทั้งคู่ได้ร่วมสร้างสรรค์คอนเทนต์ และสื่อสารบริการ AIS 5G รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง
- มาร์เก็ตแคป 844,676 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 10,584 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 56,533 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -1.05%
- P/E 22.70 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 309.00 / 218.00 บาท
กิจพัฒน วงษ์เมตตา นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ระบุว่า กระแสเงินสดของ ADVANC ยังคงมีความแข็งแกร่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภาษีนาเข้าของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเราคาดผลประกอบการไตรมาส 2/68 จะแข็งแกร่ง หนุนโดย ARPU ที่แข็งแกร่งและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดอยู่ที่ 4.2% ในปี 2568 ช่วยเพิ่มความชัดเจนของผลตอบแทน ขณะที่โอกาสในการเปิดประมูลคลื่น 3500MHz อาจสร้างอัพไซด์ Price chart
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/68คาดเป็นอีกไตรมาสที่แข็งแกร่งเราคาดกพไรหลักในไตรมาส 2/68ที่ 1.08 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 27% YoY และ 2% QoQ หนุนจากการเติบโตของ ARPU และฐานลูกค้าในทั้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือและธุรกิจบอร์ดแบนด์ ต้นทุนไฟฟ้าที่ลดลงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านโครงข่ายขณะที่ยอดขายอุปกรณ์เพิ่มขึ้นYoY แต่ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนที่ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้คลื่นความถี่ได้แล้ว
ขณะที่การตลาดเริ่มเดินหน้าต้นทุนทยอยเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/68 เราคาดกำไรหลักจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น18% YoY แต่ลดลง 7% QoQ เนื่องจากต้นทุนการตลาดจะเพิ่มขึ้นจากแคมเปญ EPL ใหม่ของ ADVANC 199 บาท/เดือน สำหรับลูกค้า AIS/3BB อย่างไรก็ตาม ฐานลูกค้าในทั้งโทรศัพท์มือถือและบอร์ดแบนด์น่าจะเพิ่มขึ้นQoQ และ ARPU ของมือถือคาดว่าจะทรงตัวได้ YoY จากการขายแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้น แม้จะลดลงเล็กน้อย QoQ ค่าเสื่อมราคาจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ AIS ยุติการเช่าคลื่น 2100MHz จาก NT ที่มีต้นทุนสูงในเดือน ส.ค. และหันมาใช้ใบอนุญาตที่ชนะประมูลเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.เราคาดกำไรหลักปี 2568 จะอยู่ที่ 4.05 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY หนุนจาก ARPU ที่สูงขึ้นในทั้งกลุ่มโทรศัพท์มือถือและบอร์ดแบนด์ของ ADVANC ในปี 2569 ADVANC จะได้รับประโยชน์เต็มปีจากต้นทุนโครงข่ายที่ลดลง หลังจากสัญญาเช่ากับ NT หมดอายุ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับ EPL ที่เพิ่มขึ้นจะจากัดอัพไซด์ทั้งนี้เรายังคงคาดกาไรปี 2569 อยู่ที่ 4.28 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% YoY
2.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL
เซเว่น อีเลฟเว่น เปิดตัวพรีเซนเตอร์ “พี่จอง” และ “คัลแลน” ลูกค้าประจำร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มาร่วมถ่ายทอดความอบอุ่น ความผูกพัน และมิตรภาพที่ดีที่มีให้กัน ผ่านแคมเปญ “แวะเซเว่นฯ เมื่อไหร่ก็ใจฟู” ที่ไม่ว่าจะแวะที่ร้านหรือจะสั่งเดลิเวอรี่เมื่อไหร่…หัวใจก็ฟูด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง
- มาร์เก็ตแคป 399,748 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 7,585 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 252,856 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -20.18%
- P/E 14.96 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 68.00 / 41.50 บาท
ณัฐพล คำนวณผล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ระบุว่า คาดกำไรหลักไตรมาส 2/68 ของ CPALL จะอยู่ที่ 6.94 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY ลดลง 9%QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล คาดการณ์กำไรเติบโต YoY หนุนจากการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นของ 7-Eleven ประมาณ 30bps เราคาดรายได้รวมในไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 2.478 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น3%YoY และ 1%QoQ และ EBIT margin อยู่ที่ 5.4% เพิ่มขึ้นจาก5.1% ในไตรมาส 2/67 หากไม่รวม CPAXT ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรหลักเพิ่มขึ้น 8%YoY ในไตรมาส 2/68 ธุรกิจ 7-Eleven เพียงอย่างเดียวจะมีแนวโน้มรายงานกำไรหลักเพิ่มขึ้น 14%YoY แม้ปริมาณฝนในไตรมาส 2/68 จะมากและถี่กว่าไตรมาส 2/67 ซึ่งน่าจะส่งผลให้จำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันลดลงเหลือ 970 ราย จาก 1,072 ราย ในไตรมาส 2/67 และทำให้ยอดขายสาขาเดิมลดลง 1% แต่เราคาดยอดขายของ 7-Eleven จะเพิ่มขึ้น 4%YoY หนุนจากการเปิดสาขาใหม่ (มี 15,565 สาขา ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2568 เพิ่มขึ้นจาก 14,854 สาขา ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2567)
ทั้งนี้ อัตรากาไรที่เพิ่มขึ้นจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/68 เราคาดกำไรหลักในไตรมาส 3/68 จะยังเติบโตต่อเนื่อง YoY หนุนจากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นทั้ง 7-Eleven และ CPAXT ในฝั่งของ 7-Eleven เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 20–30bps YoY เนื่องจากสัดส่วนของสินค้ากลุ่ม RTE ที่เพิ่มขึ้นในยอดขายอัตรากำไรขั้นต้นของ CPAXT มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นYoY จากการเริ่มรับรู้มูลค่า Synergy ที่ชัดเจนมากขึ้น หนุนจากเงื่อนไขการค้ารูปแบบใหม่กับซัพพลายเออร์ แม้เราจะปรับลดราคาเป้าหมายด้วยวิธีกระแสเงินสด (DCF) ของ CPALL จาก 70 บาท เหลือ 62 บาท จากการปรับลด terminal growth rate จาก 2% เหลือ 1% (WACC ที่7.7%) แต่ความเชื่อมั่นของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลงเราแนะนำซื้อ CPALL ยังคงเป็นหุ้นเด่นที่สุดในกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตของกาไรที่แข็งแกร่งซึ่งขับเคลื่อนโดยการขยายตัวของอัตรากำไรและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
3.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE
ทรูออนไลน์เปิดตัวเทคโนโลยีเน็ตบ้านยุคใหม่ที่ผสานพลัง AI และนวัตกรรม Smart Home ภายใต้แนวคิด “Your Everyday Connect Tech” ที่จะมายกระดับชีวิตดิจิทัลของคนไทยให้สมาร์ตยิ่งขึ้น ดึง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” มาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ เพื่อถ่ายทอดความอัจฉริยะของบ้านที่ไม่ได้เป็นแค่การเชื่อมต่อสัญญาณ แต่เป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
- มาร์เก็ตแคป 380,073 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 1,634 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 51,658 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -0.90%
- P/E - เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 13.30 / 8.70 บาท
ปิยะธิดา สนธิสมบัติ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คาด TRUE มีกําไสุทธิไตรมาสที่ 2.3 พันล้านบาท +38% QoQ และดีกว่า 2Q67 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายพิเศษ 2.0 พันล้านบาท จากค่าตัดจําหน่ายสินทรัพย์โครงข่ายที่ซ้ําซ้อนกับดีแทค ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้กําไรดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoYและหากไม่รวมรายการพิเศษ คาดกําไรปกติอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ทรงตัว QoQ แม้คาดรายได้จะลดลง จากบริการมือถือซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่น้อยลง แต่คาดกําไรปกติยังทรงตัว เพราะชดเชยได้ด้วยค่าเสื่อมราคา รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายยังต่ําลงและหากเทียบ YoY งวดไตรมาส 2/68 กําไรปกติโต 77% YoY เพราะคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงได้มากกว่ารายได้ที่ต่ําลง
ส่วนแนวโน้มกําไรในไตรมาส 3/68 น่าจะโตได้ทั้ง QoQ และ YoY โดยช่วงปลายไตรมาสจะมีแรงหนุนการขายอุปกรณ์มือถือ จากการเปิดตัว “ไอโฟน 17” ขณะที่คาดค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตัดจําหน่ายสินทรัพย์โครงข่ายที่ซ้ําซ้อนกับดีแทค น่าจะน้อยลงอีก หลังสิ้นโครงการในช่วงต้นไตรมาส 3/68 ส่วนไตรมาส 4/68 คาดผลเชิงบวกของฤดูกาล หนุนรายได้ ขณะที่ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตัดจําหน่ายโครงข่ายที่ซ้ําซ้อนอีก
4.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR
คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) เดินหน้าผลักดันนำเสนอฮีโร่โปรดักส์ “อเมซอน พรีเมียม Selected Cup” กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ที่คัดสรรคุณภาพเยี่ยม ชูจุดเด่นด้านกลิ่นหอมอโรม่าและรสชาตินุ่มลึกเป็นเอกลักษณ์ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์กาแฟระดับพรีเมียมในชีวิตประจำวัน พร้อมประเดิมกลยุทธ์พรีเซนเตอร์มาร์เก็ตติ้ง ดึงนักร้องสาว อิ้งค์ – วรันธร เปานิล เป็นพรีเซนเตอร์เป็นครั้งแรก สะท้อนรสนิยมใหม่ของคอกาแฟที่ให้ความสำคัญทั้งคุณภาพ กลิ่นหอมละมุนของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ที่พรีเมียม ไม่เหมือนใคร เพื่อขยายฐานคอกาแฟและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง
- มาร์เก็ตแคป 132,000 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 4,379.48 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 182,916.83 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -17.29%
- P/E 15.89 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 17.80 / 10.10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/6 อ่อนลง QoQ ตามฐานกพไรที่สูง ส่วนหนึ่งเป็นรายการพิเศษ-กลับรายการขาดทุนเครดิต ตามปริมาณขายน้ำมันลดลงตามฤดูฝน คาดกำไรขั้นต้นต่อลิตรลดลงตามการจัดโปรโมชั่นและขาดทุนสต๊อกน้ำมัน โดยกำไรจะถูกชดเชยบางส่วนจากดอกเบี้ยจ่ายลดลงตามการคืนเงินกู้ยืมระหว่างไตรมาส 3.8 พันล้านบาท และดอกเบี้ยตลาดลดลง
ส่วนไตรมาส 2/68 ตั้งเป้าหมายเปิดสาขา 5-10 สาขาในปีนี้ และ 40 สาขาปีหน้า ทางด้านธุรกิจ found & found ซึ่งเกิดค่าใช้จ่ายในช่วงทดลองตลาด OR มองว่าจะใช้เวลา 2 ปี โดยจะพิจารณาทบทวนแผนธุรกิจอีกครั้ง ทั้งนี้ เรามองกำไรของธุรกิจ Lifestyle เติบโตเด่นในปีนี้ตามการควบคุมค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ และปีที่แล้วมีค่าใช้จ่ายพิเศษการยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น
5.บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) OSP
M-150 ใหม่ ฝาเหลือง ราคา 10 บาท รุ่นลิมิเต็ด รสชาติติดปาก มาพร้อมเพลงติดหู ดึงวงดนตรีรุ่นใหม่อย่าง "วงไททศมิตร" ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ ผลิตภัณฑ์ M-150 ฝาเหลือง รสชาติดั้งเดิมในราคา 10 บาท เพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคหลักสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- มาเก็ตแคป 46,558 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 1,265 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 7,200 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -25.48%
- P/E 22.44 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 25.00 / 12.90 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า OSP คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/68 เบื้องต้นในกรอบ 950 –1,050 ล้านบาท ทรงตัว QoQ และเติบโต YoY หนุนจากรายได้ที่จะสูงขึ้น QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลในประเทศที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ Energy Drink และ Personal Care แต่ YoY คาดจะชะลอลง อย่างไรก็ตาม เราคาดบริษัทจะยังสามารถรักษาระดับ GPM ที่สูงราว +/-40% ได้ เนื่องจากบริษัทมีการล็อคราคาวัตถุดิบที่ต่ำถึงไตรมาส 3/68 แล้วประกอบกับแผนการควบคุมต้นทุนที่ทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เราคาดจะเห็น SG&A/Sales ที่ปรับลดลงจากแผนการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เข้มงวดมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอลงเล็กน้อย HoH ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดจะเติบโต YoY ได้เด่นจากแผนการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงเป้า GPM ที่ไม่น้อยกว่า 39% นอกจากนี้ บริษัทมีแผนในการทำแคมเปญการตลาดขวด 12 บาท รวมถึงออกสินค้าใหม่ราคา 15 บาทภายใต้แบรนด์ลิโพ หนุนกลุ่ม Premium และ GPM โดยรวม
อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 ใกล้เคียงกับที่เราประเมิน ทำให้กำไรปกติครึ่งปีแรกคิดเป็นราว 60-65% ของประมาณการทั้งปีแล้ว ทำให้ประมาณการทั้งปีของเรายังมี Upside จาก GPM ที่ยังต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 39% อยู่มาก (สมมติฐานของเราอยู่ที่ 37.1%) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER25 เพียง 14 เท่า บนประมาณการที่มีโอกาสปรับขึ้นอีก ราคาหุ้นที่ย่อลงมาจึงมองเป็นโอกาสในการสะสม และยังคาดหวังเงินปันผลได้ 6% ต่อปี
6.บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC
คาลเท็กซ์ โดย บริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (SFL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ส่ง คาลเท็กซ์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "เทครอนนนนนนนนน" ความยาว 30 วินาที บอกเล่าเรื่องราวความสนุกของการเดินทาง ถูกถ่ายทอดผ่าน หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ สองสาวสวยคู่จิ้นสุดฮอต โดยภายในภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เน้นความสนุกและเข้าถึงง่าย ใช้วิธีการสื่อสารผ่านการออกเสียงลากยาว เทครอนนนนนนนนน สะท้อนถึงคุณสมบัติของน้ำมันคาลเท็กซ์ เทครอน ที่ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลกว่า พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ “ตัวจริง วิ่งไกล” สัมผัสพลังของคาลเท็กซ์ เทครอนได้ที่ สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทั่วประเทศ
- มาร์เก็ตแคป 22,330 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 714 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 64,369 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -21.37%
- P/E -เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 8.65 / 4.26 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า SPRC ไตรมาส 2/68 แม้ค่าการกลั่นจะเร่งตัวขึ้น QoQ โดยเฉพาะ Crack Spread น้ำมันเบนซิน และน้ำมันอากาศยานจากกิจกรรมการเดินทางฟื้นตัวทั้ง US Driving Season (ปลายเดือน พ.ค.-ก.ย.) และปริมาณการเดินทางในภูมิภาคเพิ่มขึ้นช่วงวันหยุดยาว นอกจากนี้ อุปทานในตลาดยังตึงตัวจากแผนปิดซ่อมบ ารุงโรงกลั่นหลายแห่งเดือนพ.ค.อย่างไรก็ตาม เราคาดปัจจัยบวกข้างต้นจะถูกชดเชยด้วยการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ US$62/bbl (vs สิ้นงวด1Q25 ที่ US$72/bbl) ทำให้มีโอกาสขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากและอาจกดดันผลประกอบการไตรมาส 2/68 พลิกเป็นติดลบ
7.บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI
ICHI ยังผลักดันการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Non-Tea อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอิชิตันน้ำด่างมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี ด้านตลาดต่างประเทศมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ที่เครื่องดื่มสไตล์ไทยอย่างอิชิตัน ไทยมิลค์ที, อิชิตันช็อกโกแลต และอิชิตันชาผลไม้ ได้รับความนิยมอย่างมาก
สำหรับตลาดในประเทศ อิชิตันได้เปิดตัว “อิชิตัน ทีเพลย์” ชาเขียวเจนใหม่ที่ช่วยบูสต์พลังงานและความสดชื่นตลอดวัน มาพร้อมรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดี บริษัทจึงดำเนินการตลาดต่อเนื่องเตรียมเปิดตัวศิลปินวง PERSES (เพอร์เซส) เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในขณะที่ “อิชิตัน ชาเขียวเก๊กฮวย” ดึงคู่รัก Girl Love แห่งยุค ‘หลิง-ศิริลักษ์ คอง’ และ ‘ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างปรากฎการณ์ Sold-out หลายพื้นที่
- มาร์เก็ตแคป 13,520 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 245 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 1,754 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -29.25%
- P/E 11.38 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 17.00 / 9.40 บาท
บล.กรุงศรี ระบุว่า กำไรหลักของ ICHI คาดการณ์ว่าในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 321 ล้านบาท ลดลง 7% yoy เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องดื่มในไตรมาสนี้ ICHI ได้ขายที่ดินและบันทึกกาไรจากการขาย 120 ล้านบาท (มูลค่าตามบัญชี 360 ล้านบาท) ซึ่งทำให้กาไรสุทธิรวม 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% yoy และ 80% qoq แม้ว่าสภาพอากาศที่เย็นลงจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องดื่มแบรนด์ของบริษัทแต่ยอดขายไม่ได้ลดลงมากนัก (เพียง -2%yoy) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย OEM จาก 33 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 เป็น 160 ล้านบาท ในไตรมาส 2/68 เรายังคงแนะนำ"ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 12 บาท จากการมองเห็นกำไรที่ค่อนข้างดีจากยอดขายOEM รวมถึงอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 8.3% และผลประกอบการไตรมาส 2/68 จะประกาศในวันที่ 14 สิงหาคม 2568
8.บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) SNNP
“เจเล่ บิวตี้” สร้างปรากฏการอีกครั้ง ดึงพลังคู่จิ้น “หลิง-ออม” เป็นพรีเซ็นเตอร์คู่ใหม่ พร้อมขยายฐานเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ มั่นใจพรีเซ็นเตอร์คู่ใหม่ สร้างกระแสความคึกคักเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สนับสนุนยอดขายไตรมาส 2/68 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
- มาร์เก็ตแคป 8,928 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 170 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 1,496 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -24.39%
- P/E 12.61 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 14.20 / 8.60 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังแม้แนวโน้มกำลังซื้อในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำแต่เรามองว่ากำไรยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้ง HoH และ YoY จากการออกสินค้าใหม่ที่เน้นความคุ้มค่าต่อราคา (Value for money) มากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิมองว่ายังขยายตัวต่อทั้ง HoH และ YoY เช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีแผนจะบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในส่วนของโรงงานผลิต รวมถึงค่าใช้จ่ายพนักงานและการตลาดต่างๆ คาดผลกระทบจากกัมพูชาจำกัดกว่ากลุ่มเนื่องจากมีโรงงานในกัมพูชา
ขณะที่ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 ประเทศมีการปิดด่านชายแดนเราประเมินผลกระทบจำกัดกว่ากลุ่ม เนื่องจากบริษัทมีโรงงานในกัมพูชาที่สามารถรองรับรายได้สูงสุดที่ระดับ 500 ล้านบาท (ปี 2567 มีรายได้ 178 ล้านบาท) และในระยะกลาง-ยาว หากออเดอร์สูงกว่ากำลังการผลิตในกัมพูชา บริษัทยังสามารถใช้โรงงานในเวียดนามสำหรับการส่งออกไปกัมพูชาได้ แต่ในระยะสั้นอาจต้องติดตามกระแสสินค้าไทยในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด หากความขัดแย้งมีความรุนแรงขึ้นอาจเกิดการแบนสินค้าจากไทยได้ในลำดับถัดไปกดดันยอดขาย
9.บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) DDD
DDD ร่วมงานเปิดตัว “ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” นักแสดงสาวสุดฮอตมากความสามารถ พรีเซนเตอร์คนล่าสุด แบรนด์ “เลอซาช่า” (LESASHA) ด้วยบุคลิกมาดมั่น มีเสน่ห์มั่นใจ สวยสดใส มีสไตล์เป็นของตัวเอง ภายใต้คอนเซปต์ “ซัปพอร์ตทุกทรง สวยส่งทุกซีน” มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่เส้นผมทุกเส้นให้กับสาวๆ ได้สวยตลอดวัน
การเปิดตัว “ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” และผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ช่วยหนุนยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง และส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ยืนหนึ่งในตลาดได้อย่างยั่งยืน
- มาร์เก็ตแคป 1,907 ล้านบาท
- กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 18 ล้านบาท
- รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 324 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากราคา YTD -29.41%
- P/E 53.44 เท่า
- ราคาช่วง 52 สัปดาห์ สูงสุด/ ต่ำสุด 13.50 / 5.70 บาท