โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หุ้นใครไร้กังวล

THE STANDARD

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • thestandard.co
หุ้นใครไร้กังวล

ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ผมคิดว่าเต็มไปด้วยความ ‘กังวล’ เหตุเพราะว่ามีเรื่องที่ ‘เลวร้าย’ กับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเกิดขึ้นแทบไม่เว้นวัน

ล่าสุดก็คงต้องเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อ 2-3 วันก่อนที่ดูเหมือนว่าการเจรจาของผู้แทนไทยกับสหรัฐเรื่องภาษีศุลกากรจะไม่สามารถสรุปได้ก่อนเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 หรืออีกแค่ 2-3 วันที่จะถึงนี้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ไทยอาจจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอเมริกาถึง 36% ซึ่งก็จะเป็นอัตราที่น่าจะทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปยังสหรัฐลดลงมาก และก็จะทำให้การส่งออกโดยรวมของไทยลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการเติบโต GDP ของไทยในปีนี้และปีต่อๆ ไปที่มีการคาดมาก่อนหน้านี้ว่าจะโตช้ามากอยู่แล้ว

ว่าที่จริงหน่วยงานระดับธนาคารโลกได้ลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของไทยเหลือเพียง 1.8% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้าจากที่เคยคาดว่าจะเกิน 2% ในทั้ง 2 ปี และนั่นก็อาจจะยังไม่ได้รวมถึงผลกระทบจากการปรับภาษีของทรัมป์อย่างเต็มที่ด้วย

เรื่องนี้ก็คงจะทำให้นักลงทุนหลายคนกังวลใจและอาจจะนอนไม่ค่อยหลับถ้าถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมากโดยเฉพาะที่ส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐเป็นจำนวนมาก

แต่คนที่กังวลใจยิ่งกว่านั้น น่าจะเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐเป็นหลักหรือเป็นจำนวนมากที่กังวลว่าสินค้าของตนเองจะ ‘ขายไม่ได้’ หรือขายได้น้อยลงมาก เพราะราคาของสินค้าสู้กับคู่แข่งที่ไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีน้อยกว่าสินค้าจากไทยซึ่งก็รวมถึงสินค้าจากเวียดนามที่ได้ตกลงกับสหรัฐเรียบร้อยแล้วว่าจะเสียภาษีนำเข้าที่ 20% สำหรับหลายๆ บริษัทแล้ว นี่อาจจะเป็น ‘หายนะ’

ผมไม่คิดว่าคนงานที่ทำงานในกิจการส่งออกจะรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้ เพราะในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมา การผลิตและส่งออกดีขึ้นมาก แต่เหตุผลน่าจะมาจากการที่โรงงาน ‘เร่งผลิต’ และส่งออกก่อนที่ ‘ภาษีทรัมป์’ จะถูกบังคับใช้ แต่หลังจากวันที่ 9 ก.ค. ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปเพราะภาษีนำเข้าสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง และวันนั้นคนงานจำนวนมากอาจจะต้องกังวลว่าจะตกงานและไม่รู้ว่าจะไปหางานที่ไหน เพราะโรงงานหลายแห่งที่อยู่ข้างๆ ก็อาจจะกำลังปิดตัวลงเพราะไม่สามารถแข่งขันได้และไม่สามารถหาตลาดอื่นมาทดแทนได้

เรื่องที่น่ากังวลที่เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งก็คือปัญหาทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรีต้องถูก ‘พักงาน’ และไม่รู้ว่าสุดท้ายจะต้องหลุดจากตำแหน่งหรือไม่โดยศาลรัฐธรรมนูญกรณี ‘คลิปปล่อยของฮุน เซน’ ผู้นำของกัมพูชา

ที่น่ากังวลก็เพราะว่ากรณีนี้ทำให้รัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรเกินครึ่งเพียงไม่กี่เสียงเกิดความไม่มั่นคงและอาจจะล้มได้ทุกเมื่อ เพราะนอกจากการแพ้โหวตในสภาแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามลงถนนประท้วงและใช้ ‘นิติสงคราม’ เพื่อล้มรัฐบาลอย่างที่เคยใช้ได้ผลมานานในการเมืองของไทย

การที่รัฐบาลอาจจะล้มนั้น ผลกระทบสำคัญในระยะสั้นก็คือ งบประมาณประจำปีหน้าก็จะออกช้าลงไปอย่างน้อย 6-9 เดือน โครงการที่จะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือการแก้ปัญหาสังคมการเมืองก็จะช้าตามกันไป ส่วนในระยะยาวเองนั้น ความสามารถทางการแข่งขันของไทยก็จะยิ่งด้อยลงไป เพราะการลงทุนของไทยที่ช้าลงนั้น ทำให้คู่แข่งพัฒนาไปจนเราตามไม่ทัน และเราจะค่อยๆ ลดบทบาทลงในเศรษฐกิจและการเมืองของโลก

เป็นเรื่องที่น่ากังวลและบางครั้งก็ทำให้คน ‘สูงอายุ รวย และใจเย็น’ อย่างผม ที่ไม่ควรกังวลอะไรแล้ว ‘นอนไม่หลับ’ เพราะคิดถึงคนไทยและลูกหลานที่กำลังเติบโตขึ้น ไม่รู้ว่าประเทศไทยในอีกหลายสิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

ในฐานะของนักลงทุนที่ได้ปรับโครงสร้างพอร์ตหุ้นไปแล้วบางส่วน กล่าวโดยเฉพาะก็คือ มีพอร์ตหุ้นเวียดนาม 30% กว่า เงินสดประมาณ 10% ต้นๆ และพอร์ตหุ้นไทยประมาณ 55% ความกังวลของผมต่อการลงทุนก็น่าจะมีเพียงครึ่งเดียวคือ พอร์ตหุ้นไทย และเนื่องจากการที่ผมกังวลเกี่ยวกับสถานะทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไทยของไทยมานานหลายปีแล้ว ผมจึงลงเฉพาะหุ้นแนว ‘Defensive’ คือหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัยต่อภาวะเลวร้ายต่างๆ ได้ดี และมีราคาถูก ดังนั้น โอกาสที่หุ้นจะตกลงมารุนแรงก็ควรจะน้อยลง ดังนั้น ผมจึงไม่ได้กังวลมากนักในช่วง ‘เวลาแห่งความกังวล’ ที่กำลังเกิดขึ้น

พอร์ตหุ้นเวียดนามของผมนั้น ผมรู้สึกว่าแทบจะ ‘ไร้ความกังวล’ ตั้งแต่ทรัมป์ประกาศสงครามการค้า ซึ่งในช่วงแรก ผมกลับคิดว่าอาจจะเป็นผลดีต่อเวียดนามที่จะได้อานิสงส์จากการเป็นตัวแทนจีนในการผลิตสินค้าให้กับอเมริกา อย่างไรก็ตาม ต่อมาก็ดูเหมือนว่าทรัมป์จะ ‘เล่นงาน’ ทุกประเทศ รวมถึงเวียดนามที่ได้ดุลการค้าอเมริกามหาศาลอันดับ 3 หรือ 4 รองเฉพาะจีนกับเม็กซิโก แต่ผมก็ยังคิดอยู่ดีว่าเวียดนามก็จะไม่ถูกกระทบ เพราะยังไงคนอเมริกันก็ต้องใช้สินค้านำเข้าในสิ่งที่อเมริกาไม่สามารถผลิตได้ที่ต้นทุนที่ยอมรับได้ และคนที่จะส่งให้อเมริกานั้น ยังไงก็ต้องมีเวียดนามอยู่ด้วย

การประกาศข้อตกลงการค้าเวียดนามกับอเมริกาที่ ‘0-20-40’ หรือ สินค้าที่อเมริกาส่งเข้าเวียดนามไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร สินค้าที่เวียดนามส่งเข้าอเมริกาจะเสียภาษี 20% ถ้าเป็นสินค้าที่ผลิตในเวียดนามและโดยคนเวียดนาม และเสียภาษี 40% กรณีที่เป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนจีนแต่มาอาศัยเวียดนามเป็นคนส่งออกแทนนั้น ผมคิดว่าเป็นดีลที่ ‘ดีเยี่ยม’ สำหรับเวียดนาม

เพราะดีลนี้น่าจะเป็นดีลที่ ‘win-win’ คือได้ประโยชน์มากทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ อเมริกาสามารถส่งสินค้าไฮเทค เช่น สินค้าเกี่ยวกับดิจิทัลและชิปอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องบินพาณิชย์ และ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีมูลค่าสูงให้เวียดนามได้มากขึ้นแทนที่ยุโรปที่ต้องเสียภาษี เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรและอาหารหลายๆ อย่าง รวมถึงอาหารสัตว์ที่อเมริกามีความสามารถและผลิตได้เหลือเฟือที่จะกลายเป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมอาหารของเวียดนามที่จะส่งกลับไปยังสหรัฐได้

ในด้านของเวียดนามเองนั้น อัตราภาษีนำเข้าที่ 20% ของอเมริกานั้น ผมเชื่อว่าเป็นอัตราที่ต่ำกว่าคู่แข่งเช่น จีนที่สูงถึงกว่า 50% ซึ่งผมคิดว่าด้วยศักยภาพของเวียดนามที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้สินค้าของเวียดนามสามารถแข่งขันกับสินค้าของจีนได้ ส่วนกรณีของคู่แข่งอื่นโดยเฉพาะไทยเองนั้น คงต้องดูว่าเราจะได้ดีลอย่างไร แต่ผมเองคิดว่าไทยมีข้อเสียเปรียบเวลาไปเจรจากับอเมริกาหลายด้าน

เรื่องแรกก็คือ ปัญหาทางการเมืองที่ผมคิดว่าในยามที่รัฐกำลังประสบปัญหาความมั่นคงของรัฐบาล เราอาจจะไม่สามารถรับปากหรือตกลงอะไรที่จะทำให้ถูกต่อต้านจากคนที่เสียประโยชน์จากสัญญาการค้าได้มากนัก ตัวอย่างเช่นเรื่องของสินค้าเกษตรบางอย่างที่เราเคยกีดกันสินค้าจากอเมริกา เช่น พวกเนื้อและเครื่องในสัตว์เป็นต้น เราจึงอาจจะไม่ยอมตกลงให้สินค้าทุกชนิดของอเมริกาเข้าไทยโดยไม่มีภาษีแบบในกรณีของเวียดนาม

เรื่องต่อมาก็คือ ในระยะหลัง เราเองไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการเมืองใกล้ชิดกับอเมริกาเหมือนก่อน ในขณะที่เวียดนามนั้น กลายเป็น ‘เพื่อน’ และถ้าวันหนึ่งต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายใดระหว่างจีนหรือสหรัฐ คงเลือกที่จะเป็นฝ่ายอเมริกา และนั่นไม่ใช่สิ่งที่แค่คาดเดา โพลที่ทำในระดับนานาชาติชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนเวียดนามชอบอเมริกามากกว่าจีน ในขณะที่ไทยเองนั้น รู้สึกว่าจีนเป็นมิตรมากกว่า

พูดถึงเรื่องนี้แล้วผมก็นึกถึงข่าวการลงทุนมหาศาลของครอบครัวทรัมป์ในเวียดนามที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าเข้าใจไม่ผิด นี่จะเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของครอบครัวทรัมป์นอกสหรัฐ และเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องอาศัยการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลเวียดนาม ดังนั้น ผมคิดว่าเราก็น่าจะพอคาดการณ์ได้ว่า ยังไง ดีลการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐก็น่าจะต้องดีต่อเวียดนามด้วย

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ สงครามการค้าครั้งนี้ ลึกๆ แล้วมาจากการแข่งขันชิงความเป็น ‘เจ้าโลก’ ระหว่างจีนกับอเมริกาที่คิดว่าต้องบล็อกจีนไม่ให้พัฒนาก้าวหน้าล้ำไปทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และดังนั้น ด้านหนึ่งก็ต้องใช้เวียดนามในการต้านจีน ในขณะที่ไทยเองนั้น เนื่องจากบทบาททางเศรษฐกิจที่ด้อยลง และความรู้สึกที่ว่าไทยเองสนิทกับจีนมากกว่า ดังนั้น อเมริกาจึงไม่ค่อยจะสนใจมาก และคงให้ดีลที่เหนื่อยกว่าของเวียดนามกับไทย

ทั้งหมดนั้นก็ทำให้ผม ‘ไร้ความกังวล’ กับพอร์ตหุ้นเวียดนามมาตลอดแม้ว่าผลงานการลงทุนของพอร์ตเวียดนามครึ่งปีที่ผ่านมาลดลงมาพอสมควร ทั้งๆ ที่ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามบวกเกือบ 10% และผมก็คิดมาตลอดว่า ในที่สุดพอร์ตผมก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อประเด็นเรื่องภาษีทรัมป์ผ่านไป แต่ในด้านของพอร์ตหุ้นไทยเองนั้น แน่นอนว่าผมก็ยังกังวลเรื่องภาษีศุลกากรของอเมริกาที่มีโอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวม ‘เละ’ แต่ความกังวลของผมไม่ใช่เรื่องของพอร์ตหุ้นไทย แต่เป็นความกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเป็นอย่างไร และคนไทยบางกลุ่มจะเดือดร้อนสาหัสและทุกข์ทรมานระดับไหน

ภาพ:Richard Drury/Getty Images, KanawatTH/Getty Images

อ้างอิง:

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 10% กับประเทศที่จะเข้าร่วม BRICS ส่งผลกระทบในระบบเศรษฐกิจโลกอย่างไรบ้าง?

23 นาทีที่แล้ว

คอนเสิร์ต BLACKPINK ที่ Goyang Stadium มีคนดูรวม 2 วันทะลุ 78,000 คน

36 นาทีที่แล้ว

ถอดรหัส! ข้อเสนอไทยเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ ‘ฉบับปรับปรุง’ ต่างจากฉบับเดิมอย่างไร

39 นาทีที่แล้ว

โอกาสมาแล้ว! ทีมคาดิลแลคเปิดรับสมัครงาน 52 อัตราลุยศึก F1 2026

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รัฐ-เอกชนจันทบุรี ร่วมเสวนาข้อกฎหมายคุมน้ำเมา ส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ไทยโพสต์
วิดีโอ

กัมพูชาพร้อมออกค่าใช้จ่ายรับคืนโบราณวัตถุ

Thai PBS
วิดีโอ

วิสุทธิ์ ยืนยันถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิง 9 ก.ค.อนาคตยังพูดไม่ได้ เตรียมผลักดันร่างนิรโทษกรรมต่อไป

BRIGHTTV.CO.TH

ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 10% กับประเทศที่จะเข้าร่วม BRICS ส่งผลกระทบในระบบเศรษฐกิจโลกอย่างไรบ้าง?

THE STANDARD

นักวิชาการวิเคราะห์ "การยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม" จากมุมมองอดีตนายกฯ

สยามรัฐ

“จอนนี่ มือปราบ” แจ้งความกลับ 3 จนท. ปมรีสอร์ตรุกที่ดินนิคมสร้างตนเองฯ

สำนักข่าวไทย Online

(คลิป)เผยที่ดินรีสอร์ท “จอนนี่ มือปราบ”รับช่วงต่อเป็นมือที่ 3 หากจะดำเนินคดีต้องฟ้องชาวบ้านกว่า500 ครอบครัวด้วย

Manager Online

อีซี่ แอร์ไลน์ ทุ่ม 150 ล้าน! สั่งเครื่องบินใหม่ เชื่อมหัวหิน-ใต้ หวังบูมท่องเที่ยว

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

อัปเดต ประมาณการ GDP ไทยปี 2568

THE STANDARD

ถอดรหัส 50 ปี ตลาดหุ้นไทย อ่านความคิดคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ช่วยกู้วิกฤตศรัทธาหุ้นไทย

THE STANDARD

เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2025 เสี่ยงเจอ Perfect Storm จาก 3 ปัจจัยกดดัน ‘KKP’ หวั่นสหรัฐฯ เก็บภาษีสูงกว่าเวียดนาม

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...