ไทยประท้วงเดือด-เขมรตุกติก ลอบถล่มอีกหลังผู้นำจับมือหยุดยิง
โวยกัมพูชาเล่นไม่เลิก หลัง “ภูมิธรรม-ฮุน มาเนต” เปิดโต๊ะเจรจาที่มาเลเซีย ตกลงหยุดยิงชั่วคราว แต่คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงกัมพูชาถล่มอีก ไทยทำหนังสือประท้วงถึง ปธ.อาเซียน ตัวแทนสหรัฐ-จีน เจ้าภาพและพยานร่วมในการเจรจาทันที ย้ำไทยจริงใจยุติการปะทะ แต่ต้องตอบโต้กลับเพราะโดนกระทำก่อน สพฐ.เผยนับจากเกิดเหตุรุนแรงมีนักเรียนเสียชีวิตแล้ว 5 ราย
กัมพูชาละเมิดหยุดยิง
ความคืบหน้าสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ และพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดำเนินการของรัฐบาลต่อความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจ และใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด การเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และยึดถืออำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รัฐบาลไทยเคารพต่อผลการหารือที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน
ประท้วงถึง ปธ.อาเซียน-สหรัฐ
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ากองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยใช้อาวุธยิงกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด และเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่าการละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน
สถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลัง เพื่อรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใด ๆ อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศ ได้หารือแนวทางในการคลี่คลายปัญหา
สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อเกมข่าวลวง หรือเกมการเมืองของกัมพูชา เพื่อสร้างความแตกแยกภายในประเทศจากฝ่ายตรงข้าม ทีมประเทศไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน
เปิดโต๊ะเจรจาหยุดยิงหมาด ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา นายภูมิธรรมได้เข้าร่วมการประชุมพิเศษกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา จัดโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย โดยมีเอกอัครราชทูตจีนและสหรัฐอเมริกาประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์เข้าร่วมด้วย
ผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ 1.ให้มีการหยุดยิงโดยทันที แบบไม่มีเงื่อนไข โดยมีผลบังคับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่นของไทยและกัมพูชา 2.เห็นพ้องให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย กับผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. ตามด้วยการประชุมของผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร นำโดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน หากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
นัดประชุม กก.ชายแดน 4 ส.ค.
3.เห็นพ้องให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพการประชุม 4.มาเลเซียจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและสังเกตการณ์การหยุดยิง และปรึกษาหารือร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเข้าร่วมการสังเกตการณ์ดังกล่าว และ 5.ขอให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาหารือ เพื่อให้มีช่องทางประสานงานกันโดยตรงอีกครั้ง
“ทรัมป์” ใช้ภาษีกดดันยุติศึก
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันโดยตรง เตือนว่าสหรัฐอาจไม่ทำข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีแบบต่างตอบโต้เท่ากันในอัตรา 36% หากทั้งสองประเทศยังคงสู้รบกันอยู่ ต่อมาหลังการหยุดยิงของไทยกับกัมพูชา ผู้นำสหรัฐสั่งคณะเจรจาการค้าเริ่มต้นเจรจากับทั้งสองประเทศอีกครั้ง ซึ่งมีกำหนดเส้นตายก่อนวันที่ 1 สิงหาคม
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยยอมรับว่าการหารือของไทยกับกัมพูชาทำผ่านสหรัฐเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีเรื่องภาษีแบบต่างตอบโต้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีความพยายามเจรจากันมากขึ้น แม้ว่าก่อนหน้านี้ไทยไม่ต้องการให้ประเทศที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ย หลังจากที่ได้มีจีน มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนประสานจะเข้ามาช่วย
ไทยประท้วงกัมพูชาละเมิด
ด้านนายมาริษส่งหนังสือประท้วงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงไปยังพยานจาก 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซียในฐานะประธานจัดการประชุม และพยานในการเจรจา รวมถึงได้ส่งหนังสือถึงมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน ในฐานะพยานร่วมในการเจรจาให้ได้รู้ถึงการละเมิดข้อตกลงด้วย ซึ่งในหนังสือประท้วงระบุถึงหลักฐานที่แสดงว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
ย้ำกองทัพปกป้องอธิปไตย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าวันนี้สถานการณ์ไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ตั้งแต่ 24.00 น. ที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับรายงานว่ายังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่หลายจุด ส่วนที่ยังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ย้ำให้กองทัพปกป้องอธิปไตย และปกป้องบูรณภาพแผ่นดินไทยอย่างเต็มที่ โดยยังคงตรึงกำลังไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการรักษาอธิปไตยของประเทศไทย และดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนต่าง ๆ
ต้องยึดพื้นที่-เจรจาง่ายขึ้น
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ที่ปฏิบัติการอยู่ตามแนวชายแดนจะสามารถที่จะยึดพื้นที่ของไทยได้ ซึ่งหากไทยยึดพื้นที่ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในการพูดคุยเจรจาตกลงทำให้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นการจะยึดภูมะเขือ หรือยึดปราสาทตาควายกลับคืนมา ถือเป็นความจำเป็น เพราะเป็นจุดสูงข่ม เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการปฏิบัติการทางทหาร
การตอบโต้ไปมาย่อมมีการสูญเสีย แต่กองทัพไทยมีนโยบายแน่ชัดว่าจะไม่ดำเนินการกับพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา ไม่เหมือนกับกัมพูชาที่ยิงโดยมีเป้าหมายซ่อนเร้น ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับผลกระทบ พร้อมยังชื่นชมการทำหน้าที่ของทหารแนวหน้าที่ได้เสียสละมาตั้งแต่ต้น
สพฐ.เผยมี นร.เสียชีวิต 5 ราย
ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์การสู้รบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี โดย สพฐ.ได้รับรายงานจากเขตพื้นที่พบว่ามีนักเรียนบาดเจ็บจำนวน 3 ราย และเสียชีวิต 5 รายจากสถานการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ กำชับไปยังเขตพื้นที่และโรงเรียนพื้นที่ชายแดนว่า สพฐ.ไม่มีคำสั่งหรือนโยบายให้ครูเฝ้าโรงเรียน เพื่อรักษาความปลอดภัยโรงเรียน ซึ่งจะกลับเข้าพื้นที่ได้จะต้องรอคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงประสานอย่างเป็นทางการเท่านั้น รวมถึง สพฐ.จะประสานหน่วยสุขภาพจิตในพื้นที่ดูแลสภาพจิตใจของนักเรียนและครู เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ด้วย
ขณะเดียวกัน สพฐ.ขอชื่นชมและยกย่องนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา จ.ศรีสะเกษ ที่เสียสละช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนที่บาดเจ็บบริเวณร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ปตท. จนกลายเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ สำหรับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและครูที่อพยพอยู่ที่ศูนย์พักพิงตามที่ต่าง ๆ นั้น สพฐ.ได้จัดส่งทีมผู้บริหาร สพฐ.จากส่วนกลางลงพื้นที่ เพื่อดูแลช่วยเหลือ รวมถึงการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคดูแลอำนวยความสะดวก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไทยประท้วงเดือด-เขมรตุกติก ลอบถล่มอีกหลังผู้นำจับมือหยุดยิง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net