เมื่อการสกัดกั้นความช่วยเหลือในกาซา ทำให้ ‘ภาวะอดอยาก’ กลายเป็นอาวุธสงคราม
ภาวะอดอยากและขาดแคลนอาหารที่เป็นสาเหตุให้ผู้คนจำนวนมากล้มตายทั่วโลกเกิดขึ้นน้อยลงตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา โดยเฉพาะความอดอยากยากแค้นในประเทศแถบแอฟริกาซึ่งได้รับความสนใจจากโลกตะวันตกจนเกิดการรณรงค์ต่อต้านความอดอยากระดับโลกอยู่นานนับทศวรรษ ทำให้ภาวะอดอยากที่เกิดขึ้นในโลกยุคหลังปี 2000 มักเกิดจากวิกฤตภัยแล้งหรือผลพวงจากภัยธรรมชาติอื่นๆ เป็นหลัก
ยกเว้นเพียงดินแดนแห่งความขัดแย้งเรื้อรังอย่าง ‘ปาเลสไตน์’ ที่กำลังเผชิญภาวะอดอยากและขาดแคลนอาหารซึ่งมีต้นตอจาก ‘ฝีมือมนุษย์’
ภาพเด็กๆ ในกาซาที่ผอมแกร็นจนเห็นกระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครงปูดโปน รวมถึงประชากรในวัยผู้ใหญ่ที่ผอมซูบอิดโรย ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในประชาคมโลกว่าเราจะนิ่งดูดายกับปัญหาร้ายแรงนี้ต่อไปโดยไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมพื้นฐานได้อย่างไร ขณะที่กลุ่มภาคประชาสังคมในประเทศเพื่อนบ้านอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เช่น อียิปต์ จอร์แดน และกาตาร์ ก็เป็นแกนนำเรียกร้องอิสราเอลให้ยุติสงครามโดยด่วนเพื่อเปิดทางให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
สำนักข่าว AJ+ และ Türkiye Today รายงานความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อย่างการนำอาหารแห้งและนมผงสำหรับเด็กใส่ขวดแก้วปาลงไปในทะเล เพื่อที่เสบียงอาหารเหล่านี้จะลอยไปถึงดินแดนกาซา โดยมีการอ้างอิงบทสัมภาษณ์นักกิจกรรมอียิปต์ที่ริเริ่มโครงการนี้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่านี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่ความช่วยเหลือจะถูกส่งไปถึงคนปาเลสไตน์โดยไม่ถูกฝ่ายอิสราเอลสกัดกั้น
อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือประชากรกลุ่มเปราะบางในฉนวนกาซากำลังประสบภาวะขาดสารอาหารขั้นร้ายแรง ส่วนผู้ที่รอดชีวิตจากภาวะอดอยากก็มีแนวโน้มสูงว่าอาจได้รับผลกระทบด้านสุขภาพในระยะยาว
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เผยแพร่ปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ประเมินว่าเด็กปาเลสไตน์ที่เกิดและเติบโตท่ามกลางสงครามในกาซาหลังฮามาสก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จนถึงปัจจุบัน เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้านการเจริญเติบโตและไม่สามารถมีพัฒนาการทางร่างกายหรือสมองได้อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหลายกรณีอาจนำไปสู่ภาวะทุพพลภาพจนไม่อาจพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต
เมื่อความอดอยากกลายเป็นอาวุธร้ายแรงคุกคามชีวิตคน
ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเพื่อตอบโต้การก่อวินาศกรรมของกลุ่มติดอาวุธฮามาสในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งดำเนินต่อเนื่องนานมาจนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลานานกว่า 1 ปี 9 เดือนในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ทำให้มีผู้เสียชีวิตในฝั่งปาเลสไตน์ราว 60,249 คน (อ้างอิงสถิติของรัฐบาลฮามาสช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025)
นอกจากนี้ การที่อิสราเอลสกัดกั้นความช่วยเหลือด้านเสบียงอาหารและยาไม่ให้ส่งไปยังฉนวนกาซาจนเกิดเป็นภาวะวิกฤตขาดแคลนอาหารขั้นร้ายแรงในหมู่ชาวปาเลสไตน์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ
หลายประเทศทั่วโลกเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่าอิสราเอลกำลังทำให้คนในกาซาอดตายอย่างช้าๆ อันเป็นผลจากการสกัดกั้นความช่วยเหลือเป็นเวลานาน โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากวิกฤตความอดอยากครั้งนี้คือ เด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ร่วมกดดันอิสราเอลให้ยุติการทำสงครามกาซา โดยมีการระบุเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ว่า การใช้ความอดอยากเป็นอาวุธสงครามเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรงระดับโลก
ทางด้านรัฐบาลอิสราเอลและกองกำลังป้องกันตนเองแห่งอิสราเอล (IDF) ให้เหตุผลว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาสต่างหากที่ต้องรับผิดชอบต่อภาวะอดอยากยากแค้นของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เพราะฮามาสเป็นฝ่ายก่อความรุนแรงกับอิสราเอลก่อน ทั้งยังระบุด้วยว่ากลุ่มฮามาสเป็นฝ่ายเบียดบังยาและเสบียงอาหารของประชาชนไปให้กลุ่มนักรบเสียเอง ทำให้อิสราเอลไม่อาจยกเลิกมาตรการสกัดกั้นความช่วยเหลือไปยังกาซาได้
แม้อิสราเอลจะยืนยันว่ามีการผ่อนปรนให้ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังกาซาเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ แต่ก็มีรายงานที่ระบุหลักฐานชัดเจนว่าทหารอิสราเอลเคยโจมตีขบวนลำเลียงขององค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายต่อหลายครั้ง โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้พัวพันกับกลุ่มฮามาส
อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาที่ฝั่งอิสราเอลมีต่อเจ้าหน้าที่ขององค์การด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายกรณียังไม่อาจพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ แต่เจ้าหน้าที่ขององค์กรเหล่านี้ก็เสียชีวิตไปแล้วหลายราย เช่นเดียวกับประชาชนที่ไปรอรับความช่วยเหลือในกาซาก็ถูกอิสราเอลโจมตีจนเสียชีวิตเกือบร้อยรายในเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2025
ข้อเรียกร้องจากนานาชาติถึงคู่ขัดแย้ง ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งสนับสนุนอิสราเอลมาโดยตลอด ได้โพสต์ข้อความใน Truth Social สื่อสังคมออนไลน์ที่เขาก่อตั้งขึ้นเอง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยกดดันไปทางกลุ่มฮามาสให้ประกาศยอมแพ้ และย้ำว่านี่คือหนทางที่เร็วที่สุดในการยุติสงครามกาซา
ข้อความของทรัมป์สะท้อนชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยุคนี้จะไม่มีทางยอมรับหรือเปิดฉากเจรจากับกลุ่มฮามาสง่ายๆ แต่นักวิเคราะห์ในสื่อหลายสำนักมองว่าการยุติสงครามกาซาไม่มีทางบรรลุผลสำเร็จถ้าไม่เจรจากับฮามาสซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับอิสราเอลมาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน โมฮัมหมัด มุสตาฟา นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ ก็เรียกร้องต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติให้กลุ่มฮามาสประกาศยอมแพ้และวางอาวุธ แต่รัฐบาลฝั่งเวสต์แบงก์ ซึ่งแม้จะได้รับการยอมรับจากหลายประเทศที่เป็นภาคีสหประชาชาติเป็นขั้วการเมืองหนึ่งที่ถูกชาวปาเลสไตน์จำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความฉ้อฉลและไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง
ในทางกลับกัน รัฐบาล 28 ประเทศได้ร่วมกันลงชื่อในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 เรียกร้องให้อิสราเอลระงับการโจมตีโรงพยาบาลและชุมชนในกาซาและเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือแก่ประชาชนปาเลสไตน์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเจรจายุติสงครามกับกลุ่มฮามาส โดยระบุว่ารัฐบาล 28 ประเทศจะพิจารณารับรองสถานะรัฐของดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเงื่อนไขในแนวทาง 2 รัฐ (Two-state solution) อันเป็นข้อเสนอดั้งเดิมของประเทศภาคี UN ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์
รัฐบาลทั้ง 28 ประเทศประกอบด้วย ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา ไซปรัส เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
การยอมแพ้ของฮามาสจะยุติความขัดแย้งได้จริงหรือ?
คำถามจากสื่อหลายสำนักว่าการประกาศยอมแพ้ของฮามาสจะทำให้สงครามสงบได้จริงหรือไม่ และได้ข้อสรุปคล้ายๆ กันว่า ได้ผลในระยะสั้น แต่ไม่มีทางทำให้เกิดสันติภาพในระยะยาว เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะเป็นเชื้อไฟให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่ระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์
ประเด็นแรก คือ กลุ่มฮามาสไม่ได้เป็นเพียงกองกำลังติดอาวุธ แต่ยังเป็นกลไกรัฐบาลที่ปกครองดินแดนฉนวนกาซาของปาเลสไตน์มาตั้งแต่ปี 2007 เพราะรัฐบาลปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ถูกมองว่าล้มเหลวในการคุ้มครองและพัฒนาสวัสดิภาพของประชาชน เนื่องจากรัฐบาลฝั่งเวสต์แบงก์ถูกกล่าวหาว่าทุจริตฉ้อฉลและยอมอ่อนข้อให้อิสราเอลมากเกินไป ทั้งที่มาตรการหลายอย่างของฝั่งอิสราเอลไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติต่อประชาชนปาเลสไตน์
การปฏิเสธบทบาทของฮามาสหรือการกำจัดกลุ่มฮามาสแล้วผลักดันให้รัฐบาลเวสต์แบงก์ขึ้นมาแทนที่อาจก่อให้เกิดแรงต่อต้านจากประชาชนปาเลสไตน์ ซึ่งจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งบานปลายซ้ำซ้อนในดินแดนปาเลสไตน์สองฝั่ง และกลุ่มติดอาวุธที่มีแนวคิดสุดโต่งอื่นๆ อาจก้าวขึ้นมาแทนที่ฮามาสในเวลาต่อมา
ประเด็นที่สอง คือ กลุ่มการเมืองและภาคประชาสังคมที่มีแนวคิดขวาจัดในอิสราเอลไม่ได้ถูกห้ามปรามหรือควบคุมจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และกลุ่มขวาจัดเหล่านี้สนับสนุนการตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์ ทั้งยังมีการก่อเหตุยั่วยุและใช้ความรุนแรงโจมตีชาวปาเลสไตน์ในหลายพื้นที่ ทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอลอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ
ประเด็นที่สาม คือ แนวทาง 2 รัฐของ UN ยังไม่ได้รับการพิจารณารับรองจากอีกหลายประเทศทั่วโลก แม้จะมีความเคลื่อนไหวจาก 28 ประเทศล่าสุด แต่กระบวนการผลักดันให้เกิดการรับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์ยังไม่มีทางบรรลุผลได้ง่ายๆ เพราะปัจจัยเรื่องการเมืองภายในประเทศเป็นอีกเหตุผลที่จะชะลอหรือขัดขวางไม่ให้เกิดการรับรองสถานะปาเลสไตน์ได้สำเร็จ
อ้างอิง:
AJ+
Aljazeera
American Jewish Committee
AP
Arab News
Axios
British Red Cross
The Conversation
The Guardian
The Independent
Newsweek
The New Yorker
NPR
Oxfam
PolitiFact
Reuters
Türkiye Today
WHO
UNICEF
UN News
UN News
บทความต้นฉบับได้ที่ : เมื่อการสกัดกั้นความช่วยเหลือในกาซา ทำให้ ‘ภาวะอดอยาก’ กลายเป็นอาวุธสงคราม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ดาบสองคมของ ‘จิตดลบันดาล’ รู้จักเหรียญสองด้านของแนวคิด ‘Manifestation’
- ทั่วโลกเกิดอะไรขึ้นบ้างสัปดาห์นี้ 21-26 กรกฎาคม 2568
- เมื่อการสกัดกั้นความช่วยเหลือในกาซา ทำให้ ‘ภาวะอดอยาก’ กลายเป็นอาวุธสงคราม
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath