โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [28 ก.ค.- 1 ส.ค. 68]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

อัพเดต 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

สัปดาห์นี้มีข่าวคราวสำคัญมากมายที่น่าจับตา โดยเฉพาะสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่มีข่าวสารมากมายทำให้สับสน โดยสัปดาห์นี้เกิดดราม่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เรื่องไม่รับรักษาผู้ป่วยกัมพูชา หรือเรื่องราวของ ‘หมาเจ้าจ๋า’ ที่ช่วยทหารไทยจนเสียชีวิตเป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่เรื่องจริง

นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์น่ากังวลอย่างน้ำท่วมภาคเหนือที่เสี่ยงปนเปื้อนสารพิษแม่น้ำกก-แม่น้ำโขง และดราม่าบนโลกโซเชียลกรณีพนักงานร้าน Studio 7 เซ็นทรัลภูเก็ตขโมยรูปลูกค้าหญิงส่งต่อในกลุ่ม Telegram

แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ยังมีเรื่องน่ายินดีมากมาย เช่น สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างพ.ร.บ. เพิ่มเติมความผิดฐานคุกคามทางเพศ ในวาระสาม ส่วนสถานการณ์ภาษีสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อยาวนานในที่สุด สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีไทย 19% ลดจากเดิม 36% และเริ่มใช้บังคับวันที่ 1 สิงหาคม 2568

นอกจากนี้ยังมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตา เมื่อฉลาด ขามช่วง เข้ามารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง ไทยรัฐพลัสรวบรวมประเด็นน่าสนใจตลอดสัปดาห์มาไว้ที่นี่แล้ว

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ยืนยันรับรักษาผู้ป่วยกัมพูชา หลังมีดราม่าเข้าใจผิดว่าเลือกปฏิบัติ

หลังจากมีการแชร์ภาพหนังสือเวียนภายในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ออกมาสู่ภายนอก ทำให้เกิดการตีความว่าโรงพยาบาลจะเลือกปฏิบัติหรือไม่รับรักษาผู้ป่วยกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากพรรคประชาชนที่ออกมาจี้ให้โรงพยาบาลชี้แจง และจากประชาชนทั่วไป ที่มองว่าตามหลักสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยยังคงต้องให้การรักษาโดยไม่เลือกปฏิบัติ และอีกผลพลอยได้คือเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในอนาคตบนเวทีโลกด้วย

นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าทางโรงพยาบาลยังคงให้การดูแลผู้ป่วยตามปกติ โดยเฉพาะในกรณีเร่งด่วนและผู้ป่วยรายเดิม ภายใต้หลักมนุษยธรรมและความปลอดภัยของทุกฝ่าย

จากกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้จะระงับการให้บริการแก่ชาวกัมพูชา นพ.มนต์ชัยระบุว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนจากบันทึกข้อความภายในที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับลดบริการในคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ (OPD Premium) ไม่เกินร้อยละ 30 เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมในช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด

การลดบริการบางส่วนเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว เช่น การให้ล่ามชาวกัมพูชาหยุดงานชั่วคราวจากความกังวลด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษายังคงสามารถเข้าถึงบริการได้ตามปกติ

“ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลไม่เคยมีนโยบายปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยจากฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความจำเป็นหรือผู้ที่มีประวัติการรักษาเดิม เพราะสิ่งที่เรายึดถือคือหลักมนุษยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์” นพ.มนต์ชัยกล่าว

กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจในวงกว้างเนื่องจากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ถือเป็นโรงพยาบาลศูนย์ระดับภูมิภาคที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่ชายแดน รวมถึงชาวกัมพูชาที่เข้ามารับการรักษา โดยเฉพาะในกรณีเร่งด่วนที่ไม่สามารถรักษาได้ในฝั่งตนเอง

ทางโรงพยาบาลย้ำว่า จะยังคงดำเนินการภายใต้กรอบมนุษยธรรมและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทั้งบุคลากรและผู้รับบริการ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากสื่อและประชาชนในการตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกหรือเข้าใจผิดในวงกว้าง

สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ. เพิ่มเติมความผิดฐานคุกคามทางเพศ ในวาระสาม

สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดฐานคุกคามทางเพศและขยายนิยามการ ‘กระทำชำเรา’ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติการณ์ความรุนแรงทางเพศในยุคปัจจุบัน โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านในวาระสองและสามด้วยเสียงเห็นชอบ 366 เสียง งดออกเสียง 1 และไม่ลงคะแนน 4 เสียง

ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอโดย สส. พรรคก้าวไกล (ก่อนถูกยุบพรรค) และอีกฉบับเสนอโดย สส. พรรคภูมิใจไทย ผ่านวาระแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 โดยมี ศุภชัย ใจสมุทร สส. พรรคภูมิใจไทยเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ใช้เวลาดำเนินการในสภาฯ ราว 1 ปี ก่อนจะถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป

เนื้อหาสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือการบัญญัติความผิดฐาน ‘คุกคามทางเพศ’ เป็นครั้งแรกในประมวลกฎหมายอาญาไทย โดยนิยามว่า การกระทำใดๆ ที่ส่อไปในทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย คำพูด ท่าทาง เสียง หรือการติดต่อผ่านช่องทางใดๆ ที่ทำให้ผู้อื่นอับอาย รำคาญ รู้สึกกลัว หรือไม่ปลอดภัยทางเพศ จะถือเป็นความผิด รวมถึงพฤติกรรม ‘สะกดรอยตาม’ (Stalking) ทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ โดยมีโทษเบื้องต้นคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่หากกระทำในลักษณะรุนแรงมากขึ้น เช่น กระทำซ้ำ, กระทำกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี, โดยผู้มีอำนาจเหนือ เช่น นายจ้าง ครู หรือกระทำในที่สาธารณะ จะมีโทษเพิ่มสูงสุดถึงจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อีกหนึ่งสาระสำคัญของร่างกฎหมายคือการขยายนิยาม ‘การกระทำชำเรา’ ให้ครอบคลุม ไม่จำกัดแค่การใช้อวัยวะเพศสอดใส่ แต่รวมถึงการใช้อวัยวะอื่นหรือวัตถุใดๆ ล่วงล้ำเข้าไปในช่องทางต่างๆ ของร่างกาย

กฎหมายใหม่นี้ยังกำหนดให้บางกรณีสามารถยอมความได้ เช่น การคุกคามที่ไม่ถึงขั้นรุนแรง ไม่กระทำต่อบุคคลในความดูแลหรือในความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ และไม่กระทำในที่สาธารณะ

ซึ่งในลักษณะของการยอมความอาจต้องจับตาดูเมื่อกฎหมายมีการบังคับใช้แล้วต่อไป ว่าจะมีความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกระทำหรือไม่ เนื่องจากการตีความการคุกคามทางเพศยังไม่มีมาตรฐานเชิงทัศนคติในประเทศไทย

ฉลาด ขามช่วง รับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง

ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองอย่างเป็นทางการ

การแต่งตั้งครั้งนี้มีขึ้นหลังจาก ภราดร ปริศนานันทกุล ลาออกจากตำแหน่งรองประธานคนที่สอง ทำให้ต้องเลือกบุคคลใหม่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 (2)

สรวงศ์ เทียนทอง รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย จึงได้เสนอชื่อฉลาดขึ้นเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง โดยไม่มีผู้เสนอชื่อเพิ่มเติม จึงทำให้ฉลาดเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ไปโดยปริยาย โดยที่ประชุมสภาฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ได้ลงมติเลือกฉลาด เข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าวโดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

หลังพิธีรับตำแหน่ง ฉลาดกล่าวว่า จะยึดมั่นในความเป็นกลางทางการเมือง และปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดแม้อาจไม่ถูกใจสมาชิกบางฝ่าย พร้อมย้ำเป้าหมายในการทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นเวทีแก้ปัญหา และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ

ในประเด็นองค์ประชุม ฉลาดระบุว่า สมาชิกทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบต่อการประชุม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน พร้อมฝากถึงรัฐบาลว่า แม้จะมีเสียงข้างมาก ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยตรงในการเข้าร่วมประชุม ไม่ควรโทษฝ่ายอื่นเมื่อองค์ประชุมล่ม

เขายังระบุด้วยว่า ทั้งตนและประธานสภาฯ จะรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านก่อนวินิจฉัยใดๆ เพื่อลดความขัดแย้ง พร้อมเรียกร้องให้ สส. ทุกคนทำหน้าที่จนกว่าจะหมดวาระ

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ถูกศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคุณสมบัติในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ฉลาดเผยว่าได้พูดคุยกันแล้ว และพิเชษฐ์ยืนยันในความบริสุทธิ์ โดยขอให้รอฟังผลจากศาล

ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ฉลาดแสดงความหวังให้ทุกฝ่ายยึดแนวทางสันติ ใช้การเจรจา และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน

สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีไทย 19% เริ่ม 1 ส.ค.

ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีต่างตอบแทนใหม่ที่สหรัฐฯ จะเก็บจากสินค้าของประเทศต่างๆ ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพวกเขา ในคืนวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 หรือเพียงไม่นานก่อนที่เส้นตายการบังคับใช้ภาษีจะมาถึงในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

ตารางอัตราภาษีใหม่นี้ระบุว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีต่างตอบแทนจากสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยในอัตรา 19%

ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนก็โดนภาษีในอัตราแตกต่างกันไป โดยกัมพูชา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดนเก็บภาษี 19% เวียดนาม 20% บรูไน 25% ลาวกับเมียนมาโดนภาษีอัตราสูงถึง 40% แต่ไม่มีสิงคโปร์อยู่ในตาราง โดยสหรัฐฯ ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะเก็บสิงคโปร์เพียงภาษีพื้นฐาน 10% เท่านั้น ส่วนประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีมากที่สุดตามตารางล่าสุดที่ถูกเผยแพร่ออกมาคือ ซีเรีย ถูกตั้งกำแพงภาษีที่ 41%

จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า อัตราภาษีดังกล่าวต่ำกว่าอัตราเดิม 36% และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐฯ สำเร็จแล้วก่อนหน้านี้

“การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทยในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ในแนวทาง win-win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” จิรายุกล่าว

พนักงานร้าน Studio 7 เซ็นทรัลภูเก็ตขโมยรูปลูกค้าหญิงส่งต่อในกลุ่ม Telegram

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการถกเถียงในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับกรณีที่เพจ Rose To Universe ออกมาโพสต์ถึงลูกเพจที่แจ้งมาว่า ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีพนักงานร้านดัง Studio 7 ห้างเซ็นทรัลภูเก็ต ขโมยข้อมูลลูกค้าผู้หญิงที่มาซื้อโทรศัพท์ใหม่

โดยพนักงานร้านชายรายหนึ่ง ได้ขโมยข้อมูลทุกอย่างของลูกค้าก่อนย้ายเครื่อง รวมถึงรูปภาพส่วนตัวของลูกค้า เข้าเครื่องส่วนตัวของตัวเอง แล้วนำไปปล่อยต่อในกลุ่ม Telegram ภายในกลุ่มประกอบด้วยพนักงานในร้านเดียวกันรวม 6 คน เป็นเหตุให้รูปของผู้เสียหายหลุดออกไป และขณะนี้มีผู้เสียหายผู้หญิงเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

จนเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม เพจ Studio 7 แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้าน Studio7 เซ็นทรัลภูเก็ตแล้วและระบุว่า

“บริษัทขอแสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา ณ โอกาสนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง โดยมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเคร่งครัด และมีการอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความตระหนักในด้านนี้

ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการให้พนักงานผู้ก่อเหตุพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินคดีความตามกฎหมาย”

น้ำท่วมภาคเหนือเสี่ยงปนเปื้อนสารพิษแม่น้ำกก-แม่น้ำโขง

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาแม่น้ำในประเทศไทยต้องเผชิญกับสารพิษที่ถูกปล่อยมาจากเหมืองแร่บริเวณชายแดนพม่า ทำให้แม่น้ำกกได้รับผลกระทบและตรวจพบสารโลหะหนัก ต่อมาสารพิษในแม่น้ำกกก็ไหลรวมไปยังแม่น้ำโขง ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตประชาชนในพื้นที่

ต่อมาในช่วงฝนตกหนักเนื่องจากผลกระทบจากพายุวิภาส่งผลเกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด ทำให้น้ำในแม่น้ำเอ่อล้นท่วมในหลายพื้นที่

ขณะที่สถานการณ์แม่น้ำกก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า ระดับนํ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อที่ลุ่มต่ำริมน้ำกกในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย

นอกจากนี้ประชาชนยังกังวลกับน้ำท่วมที่ปนเปื้อนสารพิษมาด้วย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเข้าไปตรวจสอบสารพิษในจุดต่างๆ เพื่อประเมินว่าประชาชนได้รับผลกระทบหรือไม่

ขณะที่การเจรจากับทางพม่ายังคงต้องรอคำตอบเรื่องกำหนดการการเจรจาจากทางการพม่า ซึ่งไทยมีแผนเดินทางไปประมาณหลางเดือนสิงหาคม

‘หมาเจ้าจ๋า’ เป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่เรื่องจริง

ในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เกิดไวรัลในโลกออนไลน์ชื่นชมสุนัขตัวหนึ่งที่ชื่อ ‘เจ้าจ๋า’ โดยมีเรื่องราวว่าเจ้าจ๋าเป็นสุนัขจรที่ภูมะเขือที่อยู่เคียงข้างทหารไทยและช่วยให้ทหารรอดจากการถูกยิง แต่มันกลับถูกยิงเสียชีวิต ทำให้เพจและสำนักข่าวต่างๆ รายงานข่าวและอาลัยถึงเจ้าจ๋า

แต่ปรากฏว่าเรื่องของเจ้าจ๋าเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง โดย ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมอธิบายว่า “เรื่อง ‘เจ้าจ๋า หมาจร แห่งภูมะเขือ’ ที่เห็นแชร์กันเยอะๆ นั่น จริงๆ เป็นเรื่องแต่งขึ้น โดยแอดมินเพจ ‘หลอนจากเรื่องจริง Story Dog’ แต่งขึ้นเพื่อให้คนรักหมามากขึ้น และไม่ได้มีหมาตายจริงๆ”

ส่วนรูปสุนัขแขวนตระกรุดที่เป็นหมาจริงๆ ไม่ใช่เจ้าจ๋าในเรื่องราว แต่มีการนำเรื่องราวของเจ้าจ๋าไปเผยแพร่เองโดยไม่แชร์จากต้นฉบับ และมีบางส่วนเขียนเรื่องราวใหม่ ทำให้เรื่องราวของสุนัขแขวนตะกรุดและเจ้าจ๋าถูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน

ขณะที่ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ออกมาชี้แจงยืนยันว่า เรื่องเจ้าจ๋าแห่งภูมะเขือเป็นเพียงเรื่องแต่ง โดยเพจหลอนจากเรื่องจริง Story Dog นำแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ ‘เจ้าจ๊อด หมาห้อยตะกรุด’ ที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นหมาฮีโร่ที่หลายคนคุ้นเคยและชื่นชม

ทั้งนี้ มีการยืนยันว่า ที่ภูมะเขือมีสุนัขอยู่จริงเพียงหนึ่งตัว แต่ไม่ได้เสียชีวิตตามที่มีการแชร์ต่อกันไป เนื้อหาที่เผยแพร่เป็นเพียงเรื่องสมมุติ เพื่อรณรงค์ให้คนรักสัตว์ เรื่องนี้ส่งผลให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าในสถานการณ์ความขัดแย้งเช่นนี้ ผู้คนสามารถเชื่อข่าวสารที่ผิดจากข้อเท็จจริงได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ก็ตาม ทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้ผู้คนเลือกอ่านสารจากแหล่งน่าเชื่อถือเท่านั้นและงดการเผยแพร่ข่าวสารเท็จหรือทำให้เกิดการเข้าใจผิด

อ้างอิง: kapook.com, bangkokbiznews.com, GreenNews , youtube.com | Ratsadon News, thaipbs.or.th, thestandard.co

บทความต้นฉบับได้ที่ : Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [28 ก.ค.- 1 ส.ค. 68]

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

คุยกับ อดิศร เกิดมงคล ในวันที่แรงงานกัมพูชาต้องติดอยู่ในความขัดแย้งและความ ‘เป็นอื่น’

22 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อการสกัดกั้นความช่วยเหลือในกาซา ทำให้ ‘ภาวะอดอยาก’ กลายเป็นอาวุธสงคราม

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ฮุนเซน-ฮุนมาเนต ละเมิดรัฐธรรมนูญเขมเอง! นักวิชาการไทยแฉใช้แผนที่ผิด-ฝืนหลักสันติภาพ

เดลินิวส์

ด่วน! พล.อ.ณัฐพล เผยข้อตกลงที่ทางไทยยอมรับข้อเสนอกัมพูชาแล้ว

News In Thailand

พิชิต ลั่นนายกฯ ต้องลาออก แย้ม จ่อขยับชุมนุม พักค้างคืนประชิดทำเนียบ

MATICHON ONLINE

รัฐบาลรุกหนัก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงในเวทีโลก ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

Khaosod

‘กองทัพอากาศ’บรรจุเครื่องบิน‘AT-6’ ภารกิจโจมตีทางอากาศ -ลาดตระเวนชายแดน

เดลินิวส์

รพ.สต. ยางใหญ่ พบเสียหายเพิ่มหลังจนท.เข้าตรวจสอบ

WeR NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

เพราะเป้าหมายสูงสุดของสังคม ไม่ใช่การมี ‘อินฟลูเอนเซอร์’ มาคอยดับไฟปัญหา แต่คือการสร้างสังคมที่แข็งแรงจนไม่มีไฟให้ต้องคอยดับ

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

“Everyone wants to be us.” แม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปี ทำไมเรายัง ‘อิน’ The Devil Wears Prada เสมอ

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

August Alert! เดือนสิงหาฯ กับกิจกรรมที่เราตั้งตารอ!

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
ดูเพิ่ม