นิกเกอิ ปิดตลาดลบ 223.20 จุด กังวลภาษีทรัมป์ชุดใหม่
ดัชนี นิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (7 ก.ค.) ท่ามกลางการจับตาอย่างระมัดระวังของนักลงทุนต่อความเคลื่อนไหวเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า จะมีการส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีฝ่ายเดียวชุดใหม่ไปยังบางประเทศภายในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนี นิกเกอิ ปิดตลาดที่ระดับ 39,587.68 จุด ลดลง 223.20 จุด หรือ -0.56%
หุ้นที่ปรับตัวลงในวันนี้รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก รวมถึงกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า
ดัชนีนิกเกอิเคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากชะลอการซื้อขาย ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่า ญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับจดหมายดังกล่าวหรือไม่ ในขณะที่มาตรการพักการเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) เป็นเวลา 90 วัน จะสิ้นสุดลงในวันพุธที่จะถึงนี้ (9 ก.ค.)
มาซาฮิโระ ยามากูจิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ SMBC Trust Bank กล่าวว่า "ปธน.ทรัมป์อาจลังเลที่จะลดอัตราภาษีศุลกากร" เนื่องจากเขาจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้จากการจัดเก็บภาษี หลังจากที่ร่างกฎหมายลดภาษีของเขาผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว
"ดูเหมือนบรรยากาศของตลาดในขณะนี้จะมีมุมมองบวกเล็กน้อย จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงได้" ยามากูจิกล่าวเสริม
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่น หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (4 ก.ค.) บริษัทยาสกาว่า อิเล็คทริก (Yaskawa Electric) ผู้ผลิตหุ่นยนต์รายใหญ่ ประกาศปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการสำหรับปีงบการเงินที่จะสิ้นสุดในเดือนก.พ. โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนของอุปสงค์ที่เกิดจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นยาสกาว่า อิเล็คทริก ดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อยในวันนี้ (7 ก.ค.) โดยตลาดปรับตัวไร้ทิศทาง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าที่ยังคงยืดเยื้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จีนจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและข้อมูลการค้าในสัปดาห์นี้
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,473.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.81 จุด หรือ +0.02%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. สำหรับประเทศที่ไม่ได้ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ
ความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 10% ต่อประเทศใดก็ตามที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเขาระบุว่าเป็น "นโยบายต่อต้านอเมริกา"
หุ้นที่ปรับตัวลงในวันนี้รวมถึงหุ้น Zhongji Innolight ร่วงลง 3.1%, หุ้น Victory Giant ลดลง 1.4% และหุ้น Eoptolink Technology ปรับตัวลง 1.5%
ทั้งนี้ ทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย. ในวันพุธ (9 ก.ค.) และจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าประจำเดือนมิ.ย. ในวันเสาร์ (12 ก.ค.)
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (7 ก.ค.) ขณะที่เส้นตายที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกำลังใกล้เข้ามา นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อจีนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 23,887.83 จุด ลดลง 28.23 จุด หรือ -0.12%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยกับสื่อมวลชนในวันอาทิตย์ (6 ก.ค.) ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในเดือนเม.ย.นั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. สำหรับประเทศที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ในวันพุธ (9 ก.ค.) รวมถึงยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย. ในวันเสาร์ (12 ก.ค.) เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (7 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนถึงเส้นตายที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดที่ 3,059.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.19 จุด หรือ +0.17%
หุ้น Samsung Electronics ร่วง 2.53% ขณะที่หุ้น LG Energy Solution ดิ่งลง 4.02%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรซึ่งมีการประกาศครั้งแรกในเดือนเม.ย.นั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. สำหรับประเทศที่ไม่ได้ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศ และจะแจ้งให้ประเทศอื่น ๆ ทราบถึงการปรับขึ้นอัตราภาษีภายในวันที่ 9 ก.ค.นี้ และอัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป