องค์กรเร่งสปีดใช้พลัง 'AI' ช่วยปลดล็อกศักยภาพใหม่ธุรกิจ
“เดลล์ เทคโนโลยีส์” ร่วมกับ “อินวิเดีย” และ“ไอดีซี” วิเคราะห์แนวโน้มการนํา AI ไปใช้ในองค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิก พบว่า AI, GenAI และ แมชีนเลิร์นนิง กําลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาค
อย่างไรก็ดี หลายองค์กรยังต้องดิ้นรนกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ความซับซ้อนในการผสานรวมการทำงาน และการปรับกลยุทธ์ AI ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ
คริส เคลลี่ รองประธานอาวุโส กลุ่มโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน ฝ่ายขายเฉพาะทาง ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีศักยภาพมหาศาลในการเป็นผู้นําของการนํา AI มาใช้พัฒนานวัตกรรม
ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต่างๆ จะก้าวข้ามการพิสูจน์แนวคิด (POC) และมุ่งเน้นไปที่การบรรลุผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่วัดผลได้
อย่างไรก็ดี การเดินทางสู่ ROI ที่สม่ำเสมอนั้นซับซ้อนและต้องการการสนับสนุนที่ครอบคลุมในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ การพัฒนากรณีการใช้งาน การเตรียมข้อมูล การกํากับดูแล การเพิ่มประสิทธิภาพ และการปรับขนาดการใช้งาน AI
‘ปลดล็อก’ ศักยภาพสูงสุด
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมต่างๆ กําลังถูกเปลี่ยนแปลงโดย AI, GenAIและแมชีนเลิร์นนิง โดยองค์กรต่างๆ นํา AI มาปรับใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและพัฒนานวัตกรรม
การสำรวจพบว่า เมื่อการนํา AI มาปรับใช้ขยายตัวเร็วขึ้น หลายองค์กรกำลังเข้าถึงการใช้กลยุทธ์การผสานรวมมากขึ้น โดยให้ความสำคัญไปที่กรณีการใช้ GenAI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงาน เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจยังต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่พัฒนาแล้วซึ่งมีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ทําให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ความสําเร็จของความคิดริเริ่ม AI ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งาน คุณภาพ และการกํากับดูแลข้อมูล การจัดการกับปัจจัยเหล่านี้ผ่านการผสมผสาน ระหว่างการลงทุนภายในและความร่วมมือภายนอกเป็นกุญแจสําคัญในการปลดล็อกศักยภาพของ AI อย่างเต็มที่
ตัวจักรขับเคลื่อน ‘นวัตกรรม’
AI และ GenAI ขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ : การนํา AI มาใช้เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่เน้นการใช้ AI ในเอเชียแปซิฟิก คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 23,900 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568
ส่วนการใช้จ่ายในเอเชียแปซิฟิกใน GenAI ได้รับแรงผลักดันเช่นกัน โดย 84% ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ตั้งใจจะจัดสรรระหว่าง 1 - 2 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้สําหรับโครงการริเริ่มของ GenAI
อย่างไรก็ดี หลายองค์กรยังคงเผชิญกับความท้าทายในการปรับความคิดริเริ่ม AI ให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และรวม AI เข้ากับเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่
สำหรับในอาเซียนพบว่า องค์กร 35% อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนํา AI และแมชีนเลิร์นนิงไปใช้ และ 21% มองว่าความสามารถของพวกเขามีความก้าวหน้าอย่างเป็นระบบแล้ว ด้วยการนำ AI ปรับใช้งานในหลายฟังก์ชั่น
กลยุทธ์การปรับใช้ AI ที่กำลังพัฒนาขึ้น: กลยุทธ์การปรับใช้ AI และ GenAI กําลังพัฒนา โดยมีคลาวด์สาธารณะ รวมถึงมัลติคลาวด์ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในปีที่ผ่านมา
ธุรกิจกําลังเปลี่ยนจากโมเดล AI ทั่วไป เป็นแบบพิเศษ โดยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIO) ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอันดับแรก ความสมบูรณ์ของระบบ และตัวเลือกโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับให้เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่เป็นสาธารณะ ทั้งแบบมัลติคลาวด์ แบบไฮบริดและไพรเวทคลาวด์
รากฐานความสําเร็จ ‘เอไอ’
ความท้าทายและข้อควรพิจารณาที่สําคัญในการขยายขีดความสามารถ AI และ GenAI: องค์กรต้องเผชิญกับข้อกังวลที่สําคัญเมื่อ GenAI มีการขยายขีดความสามารถ ต้นทุนด้านไอทีที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ทั้งยังต้องบรรลุข้อผูกพันด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การขาดแคลนทักษะซึ่งส่งผลทําให้การเปลี่ยนผ่าน พัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้า และกระทบต่อผลลัพธ์ด้านคุณภาพ
แต่ทั้งนี้องค์กรธุรกิจยังคงมองว่า GenAI คุ้มค่ากับความพยายาม เนื่องจากเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพการดําเนินงาน ความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้นและการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่
การวางรากฐานสําหรับความสําเร็จของ AI: องค์กรในเอเชียแปซิฟิกกําลังใช้แนวทางที่เป็นระบบและแบ่งเป็นขั้นตอนในการนํา AI มาใช้งาน โดยจัดลําดับจากความสําคัญของกรณีการใช้งานที่มีผลกระทบสูงและให้ผลตอบแทนที่วัดผลได้
ขณะเดียวกัน สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวางรากฐาน AI ที่แข็งแกร่งต้องอาศัยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง บุคลากร, กระบวนการ และเทคโนโลยี
โดยมีประเด็นสำคัญที่ต้องให้สำคัญ ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่พร้อมใช้งาน การปลูกฝังทีมที่เน้นให้ความสำคัญกับ AI เป็นหลัก การปรับกลยุทธ์ AI ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ และการใช้การกํากับดูแลข้อมูลที่แข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจและความสําเร็จของ AI ในระยะยาว
การพึ่งพาความเชี่ยวชาญด้าน AI เฉพาะทางเพื่อเอาชนะความท้าทาย: ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้และลดช่องว่างด้านทักษะ
ปัจจุบันองค์กรต่างๆ กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและความซับซ้อนในการผสานรวมเป็นอุปสรรคสําคัญต่อความสําเร็จของ AI ธุรกิจจํานวนมากพึ่งพานักพัฒนาแอปพลิเคชั่นจากภายนอก (60%)
ขณะที่มีเพียง 30% เท่านั้นที่พัฒนาแอปพลิเคชั่น AI ภายในองค์กร และประมาณ 10% ใช้โซลูชัน AI สำเร็จรูปเชิงพาณิชย์ (commercial off-the-shelf : COTS)