‘บ้านปู’ รุกธุรกิจก๊าซ ไฟฟ้า CCUS สหรัฐฯ ลุยเทคโอเวอร์ Bedrock รัฐเท็กซัส พร้อมลงทุนแร่นิกเกิลอินโดนีเซีย
‘สินนท์ ว่องกุศลกิจ’ ซีอีโอ ‘บ้านปู’ เผยธุรกิจครึ่งแรก ปี 68 รุกลงทุนพลังงานแห่งอนาคต ตามกลยุทธ์ Energy Symphonics ชี้นโยบายสหรัฐฯ โอกาสขยายลงทุน รับดีมานด์ AI และ Data Center พร้อมเข้าซื้อ Bedrock Production รัฐเท็กซัส คาดเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 4 ปีนี้
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า แม้ปัจจัยที่กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ชะลอตัวลง ส่งผลให้บ้านปูได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสะท้อนต่อผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2568 ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีรายได้จากการขายรวม 2,521 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 84,543 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 571 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,144 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 42.76 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,428 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการรับรู้ผลขาดทุนจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ไม่กระทบต่อกระแสเงินสด และความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่า EBITDA ปีนี้ 2568 จะอยู่ในระดับ 1,200- 1,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยแต่ละปี
สำหรับนโยบายสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีผลต่อการลงทุนหรือไม่นั้น สินนท์ มองว่า สหรัฐฯมีแหล่งก๊าซธรรมชาติมหาศาล มีการใช้ Data Center และ AI ซึ่งใช้พลังงานสูง จึงเป็นโอกาส โดยบ้านปูซึ่งมีธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โดยจะมีการลงทุนโครงการ East Texas สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 70,000 ตันต่อปี คาดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปี 2570
นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อกิจการ Bedrock Production, LLC เจ้าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจกลางน้ำในแหล่งบาร์เน็ตต์ รัฐเท็กซัส ซึ่งหลังการทำธุรกรรมเสร็จสิ้นเดือนตุลาคม 2568 กำลังผลิตรวมของ BKV จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 108 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 1P จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
“Tariff อาจเป็นโอกาสลงทุนสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทมีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่แล้ว และกฎหมาย One Big Beautiful Bill ก็ส่งผลบวกต่อการลงทุน CCUS เครดิตคาร์บอน ที่สำคัญธุรกิจไฟฟ้าจะได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้า ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ AI และ Data Center ในสหรัฐฯ” สินนท์ กล่าว
ดังนั้น ธุรกิจในสหรัฐฯ ยังเติบโตได้อีก ทั้งก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และ CCUS ซึ่งการเข้าซื้อ Bedrock Production จะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังของปีนี้ ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง Geopolitics ซึ่งการมีกระแสเงินสดนั้นสำคัญมาก แต่หากดูพอร์ต บ้านปูก็มีการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงเหมาะสม ทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ก๊าซฯ ถ่านหิน ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด
สินนท์ กล่าวอีกว่า ด้วยกลยุทธ์ ‘Energy Symphonics’ ในครึ่งปีแรก 2568 นอกจากบริษัทได้ขยายแหล่งก๊าซบาร์เน็ตต์และรุกโครงการ CCUS ในสหรัฐฯ ดังข้างต้น ยังเพิ่มการลงทุนในธุรกิจกักเก็บพลังงานในออสเตรเลีย และเริ่มก้าวแรกกับการลงทุนในธุรกิจนิกเกิลในอินโดนีเซีย
บริษัทยังคงเน้นลดต้นทุนทั้งองค์กร ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน ความคืบหน้าทั้งหมดนี้ตอกย้ำบทบาทของบ้านปูในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย เพื่อสร้างความสมดุลด้านพลังงานและขับเคลื่อนความยั่งยืน
อีกทั้ง บริษัทมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโอมีประสิทธิภาพ หมุนเวียนเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ศักยภาพสูง ควบคู่กับการปรับโครงสร้างใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง รวมถึงการบริหารโครงสร้างเงินทุน
สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว ความคืบหน้าที่โดดเด่นเห็นได้จาก 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและ CCUS ธุรกิจ Renewables+ และธุรกิจเหมืองยุคใหม่ ที่มองว่า เป็นภารกิจสำคัญที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ามั่นคงทั้งเรื่องผลผลิต ต้นทุนลดลงค่อนข้างมากและสามารถลดลงต่อเนื่องได้ แต่สิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้คือราคาถ่านหิน แต่เชื่อว่า ครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้และคงเป้าถ่านหินทั้งปีทำได้ 42.8 ล้านตัน
ขณะที่ ราคาก๊าซสามารถล็อกราคาปีนี้ 70% ซึ่งสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือโรงไฟฟ้าในเท็กซัส โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ที่คาดว่าจะสามารถขยายการเติบโตได้เพิ่มอีก
ภาพ:Art Wager / Getty images