“วิเชียร ชุบไธสง”ลุ้นนั่ง"นายกสภาทนายความ"อีกสมัย เย็นนี้รู้ผล
เมื่อวาระการทำงานของสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ชุดปัจจุบัน กำลังจะสิ้นสุดลง ในวันที่ 14 ก.ย. 2568 สายตาของผู้ประกอบวิชาชีพทนายทั่วประเทศ จับจ้องไปที่การเลือกตั้ง นายกและกรรมการสภาทนายความชุดใหม่ ซึ่งมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค. 2568 นี้ ที่สำนักงานสภาทนายความฯ ถนนบางเขน และ ที่ศาลจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับทนายในต่างจังหวัด
หนึ่งในผู้สมัครที่ถูกจับตาอย่างมากคือ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความคนปัจจุบัน ซึ่งลงเลือกตั้งอีกครั้งในนามทีมคณะกรรมการชุดเดิม โดยได้รับหมายเลขผู้สมัคร นายกเบอร์ 3 และทีมกรรมการ เบอร์ 25-46
ดร.วิเชียร เปิดใจถึงการตัดสินใจชิงเก้าอี้อีกสมัยว่า แม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดนี้ได้เร่งสะสางปัญหาที่สะสมมานานจนเห็นผลรูปธรรมแล้วหลายด้าน แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่จำเป็นต้องเดินหน้าต่อเพื่อให้งานสำเร็จสมบูรณ์ โดยเฉพาะนโยบายด้านดิจิทัล การเสริมสร้างศักยภาพทนายความ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย
“เราต้องการความต่อเนื่อง เพื่อให้สภาทนายความเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นองค์กรที่ดูแลทนายความทุกคนได้อย่างทั่วถึง” ดร.วิเชียร กล่าว
หนึ่งในผลงานที่ทีมวิเชียร ชูเป็นจุดแข็งคือ การฟื้นฟูฐานะทางการเงินของสภาทนายความ จากเดิมปี 2565 ที่งบการเงินติดลบกว่า 26 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นบวก 4 ล้านบาท ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านบาท ในปี 2567 ทำให้สามารถขยายสวัสดิการเพื่อดูแลสมาชิกได้มากขึ้น ทั้งกรณีเจ็บป่วย เสียชีวิต หรือ ประสบภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุ
“ที่ผ่านมาเราใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อทนายความจริงๆ หากได้ทำงานต่อ เรามั่นใจว่าจะเพิ่มสวัสดิการได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ทนายทั่วประเทศอุ่นใจยิ่งกว่าเดิม”
นอกจากการสานต่อผลงานเดิม ทีมวิเชียร ยังเสนอแนวนโยบายใหม่ โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลมาปรับใช้ กับ การบริหารจัดการ เพื่อให้สภาทนายความเป็นองค์กรทันสมัย ให้บริการแก่ทั้งทนายความและประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ด้านวิชาการ ยังคงเดินหน้าพัฒนาความรู้ และศักยภาพของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางกฎหมายแก่สังคม
คณะผู้สมัครทีมของ ดร.วิเชียร ประกอบด้วยบุคลากรจากสามเจเนอเรชัน ทั้งอาวุโส วัยกลางคน และ คนรุ่นใหม่ เพื่อหลอมรวมแนวคิดและประสบการณ์ในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยมีบุคคลสำคัญ เช่น
นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร (เบอร์ 25), นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ (เบอร์ 26), นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ (เบอร์ 28), นางรุ่งนภา พุฒแก้ว ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต (เบอร์ 31), นายประพันธุ์ คูณมี อดีต ส.ส. และที่ปรึกษานายก (เบอร์ 33), นางพรสวรรค์ สังข์สังวาลย์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ (เบอร์ 42) รวมทั้งผู้สมัครภาคต่างๆ ครบทั้ง 9 ภาคทั่วประเทศ
ดร.วิเชียร ย้ำว่า การหาเสียงเป็นไปด้วยความสุจริต นำเสนอผลงานและนโยบายเป็นหลัก ไม่โจมตีหรือใส่ร้ายฝ่ายใด พร้อมชี้ว่า ผลงานที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ ทั้งด้านการบริหารองค์กร การคุ้มครองวิชาชีพ การส่งเสริมสวัสดิการ และการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย จนได้รับรางวัลพระราชทาน “เทพทอง” ประจำปี 2567
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงนับเป็นศึกใหญ่ ที่ทนายความทั่วประเทศจับตามอง เพราะไม่เพียงเป็นการเลือกผู้นำใหม่ แต่ยังเป็นการตัดสินใจว่าจะให้โอกาสทีมเก่าของ “วิเชียร ชุบไธสง” ได้สานงานต่อ ก่องานเพิ่ม เริ่มงานใหม่ หรือ จะเปลี่ยนแปลงทิศทางการบริหารสภาทนายความไปสู่ชุดใหม่
ช่วงเย็นของวันนี้ มารอลุ้นกันว่า ในจำนวนผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกสภาทนายความ ร่วม 10 คน “วิเชียร ชุบไธสง” จะสามารถรักษาเก้าอี้ดังกล่าวไว้ได้อีกสมัยหรือไม่?