คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่ อ.พนมดงรัก ดูการเก็บกู้-ทำลายวัตถุระเบิด
คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ดูการเก็บกู้-ทำลายวัตถุระเบิด เทียบทุ่นระเบิดเก่า-ใหม่ กองทัพไทยยืนยันพิกัดกัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดในฝั่งไทย
วันนี้ (20 ส.ค. 68) กองบัญชาการกองทัพไทย โดยกรมข่าวทหาร นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม นำโดย พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ลงพื้นที่บ้านโนนมะยาง ม.6 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชาทำให้มีระเบิดมาตกในพื้นที่การเกษตร ครอบคลุม 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหนองคันนา บ้านโนนมะยาว หนองคันนาใหม่ และบ้านเกษตรสมบูรณ์
นอกจากนี้ในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก พบการสำรวจทุ่นระเบิดจำนวน 264 ทุ่น โดยได้ดำเนินการเก็บกู้ทำลายแล้ว เหลือทุ่น ที่ยังไม่ได้ทำลายจำนวน 13 ทุ่น วัตถุที่พบม่วนใหญ่ BM-21 และยังคงมีบางส่วนที่คาดว่ายังตกค้างอยู่และไม่ได้รับการตรวจพบ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่โปรดใช้ความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวันเพราะอาจจะพบวัตถุระเบิดที่ยังหลงเหลืออยู่
ต่อมาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ได้เดินทางไปดูการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ในการทำลายวัตถุระเบิด ที่มาตกในสวนยางพารา บ้านโนนมะยาง ต.ตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
โดยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิด ได้ชี้แจงต่อคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ว่า ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานในเรื่องของการเก็บกู้ระเบิดไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงเรื่องเดียว คือ การทักท้วงจากกัมพูชา ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ใน 4 จังหวัดที่ผ่านมา คือ บุรีรัมย์ , ศรีสะเกษ , และสุรินทร์ มีประชาชนเหยียบกับระเบิด รวมกว่า 100 คน มากที่สุดคือที่ อ. จ.ศรีสะเกษ จำนวน 32 คน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิด ยังได้เปิดคลิปอธิบายการกู้ระเบิด จาก 5 เหตุการณ์ที่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ แล้วหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ ได้ไปเก็บกู้ระเบิดให้ โดยจุดแรกและจุดที่ 2 อยู่ในพื้นที่ช่องบก - ช่องอานม้า เป็นการรื้อถอน PMN-2 หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด ซึ่งพบว่า เป็นการวางระเบิดดักในเส้นทางลาดตระเวน ที่ทหารไทยใช้เป็นประจำทุกวัน
ส่วนจุดที่เหลืออยู่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย และใกล้เคียง ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิด ที่พบในแต่ละจุดเป็นทุ่นระเบิดใหม่ชัดเจน สังเกตได้จากตัวทุ่น ขณะที่ลักษณะการวางทุ่นระเบิด ก็จะวางชิดผิวดิน และจะวางห่างประมาณ 40 เซ็นติเมตร มุ่งหมายให้รับอันตรายถึงชีวิต
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ตอบคำถามสื่อต่างประเทศ คาดว่าทุ่นระเบิดที่พบผลิตมาจากกลุ่มสหภาพโซเวียต แต่จากการผลิตช่วงปี 1989 และที่ทหารกัมพูชาอ้างว่าทหารไทยเดินเข้าไปเหยียบระเบิดเองในพื้นที่ของฝั่งกัมพูชานั้น พล.ต.วินธัย ยืนยันว่า GPS ระบุพิกัดชัดว่า บริเวณตรงนั้นเป็นพื้นที่ของไทย รวมถึงที่ช่องอานม้าจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดก็อยู่ลึกเข้ามาที่แนวชายแดนถึง 1 กิโลเมตร
พ.อ.สมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 เปิดเผยว่า ภารกิจของ TMAC ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตั้งแต่ปี 2543 และเพิ่งหยุดปฏิบัติภารกิจตอนที่สู้รบกัน โดยเก็บกู้ได้ทั้งหมดประมาณ 49,000 กว่าลูก ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า ทุ่นไหนเก่า ทุ่นไหนใหม่ โดยสังเกตได้จากรอยดิน รอยสนิม ที่แทบไม่เห็นเลขทะเบียนของระเบิด แตกต่างจากทุ่นระเบิด PMN-2 ที่เพิ่งเก็บกู้ได้ในช่วงที่มีการปะทะกัน และระเบิดดังกล่าวถูกฝังอยู่ในพี่นที่ไทย ตามเส้นทางการลาดตระเวนของทหารไทยที่ตระเวนประจำอยู่แล้ว ในลักษณะการหวังผลเพื่อสังหาร เพราะมีการวางทุ่นระเบิดเป็นกลุ่ม เว้นระยะห่างเพียงแค่ 40 เซนติเมตร และบางจุดหวังผลให้บาดเจ็บ โดยวางทุ่นระเบิดห่างประมาณ 1 เมตร ซึ่งการนำระเบิดทั้งแบบเก่า และใหม่ที่มาแสดงให้คณะฯ ดู ก็เพื่อแสดงข้อเท็จจริงให้เห็นว่าทางฝั่งกัมพูชามีการละเมิดข้อตกลง
ที่บ้านโนนมะยาง อ.พนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC ได้พาคณะ IOT เข้าไปตรวจสอบจรวด BM-21 ที่ตกในสวนยางชาวบ้าน โดยจุดนี้จรวดฝังอยู่ใต้พื้นดิน ความลึกประมาณ 12 เมตร เบื้องต้นพบจรวดทำงานไม่สมบูรณ์ จึงไม่เกิดระเบิดไปก่อนหน้านี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ EOD ได้สาธิตการทำลายระเบิดตามขั้นตอน