142 ปี ‘ไปรษณีย์ไทย’ ก้าวสู่ Tech Post สู้ใน 'สงครามส่งด่วน' ที่ไม่มีวันจบ
หลังเผชิญความท้าทายใน “สงครามส่งด่วน” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ไปรษณีย์ไทย” องค์กรเก่าแก่คู่สังคมไทย ที่เคย “เจ็บ” จากการขาดทุนระดับพันล้านบาท (ปี 2564-2565) ก็ไม่เคยอยู่เฉย ๆ พยายามปรับตัวต่อเนื่อง เพื่อให้แข่งขันได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ เช่น มี Postman Cloud บริการด้านการสำรวจและเก็บข้อมูลสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในพื้นที่ เป็นต้น พร้อมปรับองค์กรและภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย ก้าวสู่การเป็น “Lifestyle Brand” ล่าสุดพลิกผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 มาทำกำไรกว่า 600 ล้านบาท
ในขวบปีที่ 22 หลัง ตั้งแต่แปรรูปเป็นบริษัทจำกัด และเข้าสู่ปีที่ 142 ยังเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร นำเทคโนโลยี AI มาต่อยอดจุดแข็งด้านบริการและโครงข่าย กับเป้าหมายในการเป็น “Information Logistic” ที่เข้าถึงลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์
เปิดผลประกอบการปี’67-68
“ดนันท์ สุภัทรพันธุ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการไปรษณีย์ไทยในปี 2567 มีรายได้รวม 20,993 ล้านบาท ขาดทุน 186 ล้านบาท มีปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือแผนงาน โดยเฉพาะการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์ทำให้เกิดมูลค่าภาษีมากขึ้น การปรับค่าครองชีพพิเศษ และอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น แต่ในปี 2568 รักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 11,544 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 631.56 ล้านบาท
“รายได้รวมเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 8.88% ขณะที่กำไรสุทธิโตขึ้น 362.34% มีปริมาณชิ้นงานเพิ่มขึ้น 6% ส่วนใหญ่มาจากบริการส่งด่วน EMS”
ปัจจัยที่ทำให้ครึ่งปีแรกมีกำไรกว่า 631 ล้านบาท มาจากความสามารถในการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ ๆ และการจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมโดยเฉพาะต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่ลดลงไปกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งยังพบว่า คุณภาพบริการส่งด่วน EMS ปี 2567 ดีขึ้นจากปี 2566 ราว 4% ขณะที่สัดส่วนงานที่นำส่งภายใน 24 ชั่วโมง ณ ครึ่งแรกปี 2568 ทำได้มากกว่า 79% ส่งผลให้มีคะแนน Top of Mind ของแบรนด์ 99.54% และมีคะแนนความไว้วางใจในแบรนด์ 96.11%
สแกนพอร์ต “ไปรษณีย์ไทย”
เมื่อเจาะไปที่แต่ละกลุ่มธุรกิจพบว่า กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ สร้างรายได้สูงสุด คิดเป็น 46.83% ของรายได้รวม โดยอยู่ที่ 5,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วยธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ มีสัดส่วน 37%, ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ 10% ธุรกิจค้าปลีก เช่น Post Cafe, สินค้าเฮาส์แบรนด์ และ ThailandPostMart 5% ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่น ๆ
สำหรับ Postman Cloud ที่เริ่มให้บริการปลายปี 2567 สร้างรายได้แล้วประมาณ 40 ล้านบาท ตัวอย่างโปรเจ็กต์ที่ทำร่วมกับภาคเอกชน เช่น การส่งพี่ไปรฯ ลงพื้นที่ปักหมุดร้านอาหารท้องถิ่นกว่า 2,600 แห่ง ใน 22 จังหวัดทั่วไทย ร่วมกับแพลตฟอร์มเหวย ไท่ กว๋อ (Wei! TaiGuo)
“สินค้ายอดนิยมบน ThailandPostMart เป็นกลุ่มอาหาร เช่น ลูกชิ้นปลาภูเก็ต และเส้นข้าวซอยจากภาคเหนือ ส่วนการบริหารจัดการบนแพลตฟอร์ม มีการเก็บ GP (ค่าธรรมเนียมการขาย) บ้าง สินค้าแต่ละชนิดมีเรตต่างกัน แต่ถือว่าเก็บน้อยมาก ๆ เพราะต้องการผลักดันสินค้าในประเทศและวิสาหกิจชุมชน”
ชูกลยุทธ์ “1-4-2”
“ดนันท์” กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลัง “ไปรษณีย์ไทย” วางกลยุทธ์ “1-4-2” ล้อไปกับตัวเลข 142 ปี การดำเนินกิจการไปรษณีย์ในประเทศไทย ให้เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนองค์กร ประกอบด้วย
1 คือการเป็นขนส่งอันดับ 1 ของคนไทย ที่โดดเด่นทั้งคุณภาพบริการตั้งแต่ระบบรับฝาก ส่งต่อ และนำจ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการมีเครือข่ายครอบคลุม เข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 50,000 แห่ง ยกระดับองค์กรสู่การเป็น Tech Post เต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ
4 คือ 4 พลังขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ 1.PostExpress พลังความเร็ว บริการที่โดดเด่น และได้รับความนิยมสูงที่สุดยังเป็นบริการส่งด่วน EMS ที่ทำรายได้ 43.31% ของรายได้ทั้งหมด
2.PostSolution พลังเพื่อธุรกิจ ออกแบบโซลูชั่นรองรับผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ เช่น การให้บริการคลังสินค้าครบวงจร (THP Fulfillment) ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ลงทุน มีการเติบโตและขยายตัวของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเอื้อต่อการขยายฐานลูกค้าเป้าหมายของผู้ใช้บริการ
3.Post-World พลังเชื่อมโลก พาธุรกิจไทยเติบโตได้ครอบคลุม 205 ปลายทาง 193 ประเทศ
และ 4.PostNext พลังความล้ำ นำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาบริการ เพื่อตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น Digital Postbox บริการตู้ไปรษณีย์ดิจิทัลจาก Prompt Post ที่ต่อยอดการส่งจดหมายแบบ Physical สู่ Digital และบริการ D/ID ระบบการจ่าหน้าแบบดิจิทัล ที่สามารถแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ส่งและผู้รับเป็นรหัส 6 หลัก ซึ่งจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568
และ 2 คือ “2 บทบาท” ทั้งเพื่อขับเคลื่อนสังคม ได้แก่ Navigator & Companionship และส่งทุกความสัมพันธ์สู่ทุกความสำเร็จ
เปิดตัว Super App ใหม่
แม่ทัพ“ไปรษณีย์ไทย” กล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างมากขึ้น ในครึ่งปีหลังจะมีการสร้างการจดจำ และสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งด้านสินค้า บริการ และไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “POSTsible Together เป็นไปรฯ ได้ ไปรฯ ด้วยกัน” ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เปิดตัว Super App ที่รวบรวมบริการหลากหลายของไปรษณีย์ไทยไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้ผู้ใช้ติดตามพัสดุ, สร้างใบจ่าหน้า, เรียกรับพัสดุ, ชำระค่าบริการ และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ครบวงจร
พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการภาครัฐ และพันธมิตรเอกชน เสริมศักยภาพเอสเอ็มอี (SMEs) ไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยร่วมกับ “อะเมซอน” (Amazon) ส่งสินค้าจากผู้ประกอบไทยเข้าคลัง Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ขายบน Amazon.com ที่ต้องการส่งสินค้าเข้าคลังในสหรัฐอเมริกา
“เราเป็นผู้รวบรวมสินค้าในไทย ดำเนินพิธีการศุลกากร และส่งสินค้าสู่คลัง FBA เพื่อสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและ SMEs ไทยกระจายสินค้าสู่ตลาดอเมริกา”
สำหรับ Super App คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ตั้งเป้าว่าผู้ใช้หลักล้านคน หลังเปิดให้ดาวน์โหลดภายใน 6 เดือน โดยเฟสแรกมาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น Tracking พัสดุ และจะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น
จับเซ็กเมนต์ “eTailer”
“ดนันท์” กล่าวด้วยว่า ไปรษณีย์ไทยยังได้ต่อยอดแนวคิดการขนส่ง “Parcel Defined Logistics” ให้มีความเฉพาะตัวมากขึ้นในรูปแบบขนส่งพิเศษ (Specialized Logistics) เช่น Healthcare Logistics for Pet หรือการขนส่งสินค้าเพื่อกลุ่มสัตว์เลี้ยง การขนส่งสินค้ามูลค่าสูง และการขนส่งนมแม่ เป็นต้น ทั้งพยายามเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่มากขึ้น เช่น กลุ่ม eTailer หรือแบรนด์ที่ขายสินค้าผ่านช่องทางของตนเอง เพราะไม่ต้องการแบกรับต้นทุนค่าธรรมเนียมการขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ลูกค้าที่ใช้บริการของเราส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้าทั่วไป ซึ่งคงไม่โตไปมากกว่านี้แล้ว เราจึงต้องหาโอกาสในตลาดที่ยังโตโดยเฉพาะจากการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์”
แม่ทัพ “ไปรษณีย์ไทย” ทิ้งท้ายด้วยว่า การทรานส์ฟอร์มองค์กรให้เป็น Tech Post และการพัฒนา Super App ถือเป็น “การคาดการณ์เชิงกลยุทธ์” (Strategic Foresight) และการวางรากฐานที่จะทำให้ไปรษณีย์ไทยมีความพร้อมต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสงครามส่งด่วนที่ไม่มีวันจบ เพราะถ้าไม่ทำตั้งแต่วันนี้ จะกลายเป็นคนที่ช้าและปรับตัวไม่ทัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 142 ปี ‘ไปรษณีย์ไทย’ ก้าวสู่ Tech Post สู้ใน ‘สงครามส่งด่วน’ ที่ไม่มีวันจบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net