ปวดฉี่ไม่ควรอั้นโดยเฉพาะผู้หญิง อั้นฉี่บ่อยๆ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง?
ปวดฉี่ อั้นฉี่ เมื่อการกลั้นปัสสาวะอาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิดโดยเฉพาะ "ผู้หญิง" เพราะท่อปัสสาวะสั้น เชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย เสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ทุกคนคงเคยมีประสบการณ์ "ปวดฉี่ แต่หาห้องน้ำไม่ได้" บางครั้งอยู่บนถนน รถติดอยู่หลายชั่วโมง บางทีกำลังนั่งประชุม หรือแม้แต่ในห้องเรียน การกลั้นปัสสาวะในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจดูเหมือนไม่มีผลเสียอะไร แต่แท้จริงแล้วการเพิกเฉยต่อสัญญาณของร่างกายอาจสร้างผลกระทบต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด เพราะ "ความปวด" เป็นกลไกธรรมชาติที่ร่างกายใช้เตือนว่าถึงเวลาที่ต้องขับของเสียออก หากเพิกเฉยซ้ำ ๆ อาจเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะได้
วงจรของการปวดปัสสาวะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ปัสสาวะเกิดจากการที่ไตกรองของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากเลือด ส่งผ่านท่อไตลงสู่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมีความจุเฉลี่ยประมาณ 400–600 มิลลิลิตร เมื่อปัสสาวะเต็มถึงระดับหนึ่ง เซลล์ประสาทในผนังกระเพาะปัสสาวะจะส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะ ปกติแล้วเราจะเริ่มรู้สึกปวดเมื่อมีปริมาณปัสสาวะประมาณ 150–200 มิลลิลิตร และเมื่อถึง 400–500 มิลลิลิตร สมองจะสั่งการอย่างแรงว่าควรหาห้องน้ำทันที หากเราฝืนกลั้น กระเพาะปัสสาวะจะขยายตัวเกินปกติ ทำให้กล้ามเนื้อบีบรัดอ่อนแรงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
เหตุผลที่หลายคนชอบกลั้นฉี่ – ไลฟ์สไตล์ & สังคม
ในชีวิตจริง หลายคนเลือกที่จะ "อั้นฉี่" ด้วยเหตุผลทางสังคมและความสะดวก เช่น
• การเดินทาง บนถนนที่รถติดยาวนาน
• การทำงาน ประชุมต่อเนื่องหรือทำงานที่ไม่สะดวกเดินออกจากโต๊ะ
• โรงเรียน/มหาวิทยาลัย นักเรียนบางคนรู้สึกอายที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย
• ผู้หญิง บางคนเลือกกลั้นเพราะกังวลเรื่องสุขอนามัยของห้องน้ำสาธารณะ
เหตุผลเหล่านี้ทำให้พฤติกรรมการกลั้นฉี่กลายเป็นเรื่อง "ปกติ" ในหลายคน แต่เมื่อทำซ้ำ ๆ นาน ๆ ร่างกายอาจต้องรับผลเสียโดยไม่รู้ตัว
ร่างกายส่งสัญญาณ ทำไมถึงปวดจนทนไม่ไหว
ความปวดปัสสาวะไม่ใช่เพียง "ความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ" แต่เป็นสัญญาณชีวภาพที่ซับซ้อน ระบบประสาทรับความรู้สึกจากผนังกระเพาะปัสสาวะจะส่งไปยังไขสันหลังและสมอง สมองตีความว่า "เจ็บ/แน่น" เพื่อบังคับให้เราขับปัสสาวะออก ความรู้สึกนี้ไม่ต่างจากการที่ร่างกายเตือนให้หายใจเมื่อออกซิเจนต่ำ หรือบังคับให้ดื่มน้ำเมื่อขาดน้ำ หากฝืนไม่ทำตามสัญญาณบ่อย ๆ ระบบประสาทอาจเกิดความผิดปกติ กลายเป็นภาวะปัสสาวะเล็ด ควบคุมไม่ได้ หรือกระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดจังหวะ
กลั้นฉี่บ่อย ๆ มีผลเสียอะไรบ้าง
• กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง เพราะถูกยืดบ่อยเกินไป
• ปัสสาวะคั่งค้าง ทำให้ของเสียหมักหมมและกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อ
•เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) โดยเฉพาะผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะสั้นและเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย
• เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ จากการตกผลึกของเกลือและแร่ธาตุที่ไม่ได้ถูกขับออก
• ทำให้ไตทำงานหนัก เมื่อปัสสาวะย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะสู่ไต อาจนำไปสู่ภาวะไตอักเสบหรือไตวายได้
โรคที่อาจเกิดจากการกลั้นปัสสาวะ
• กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis): อาการปัสสาวะแสบขัด ปวดบ่อย ปัสสาวะมีกลิ่น
• กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis): เชื้อโรคลุกลามจากกระเพาะปัสสาวะขึ้นไปยังไต มีไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง
• นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ: เกิดจากตะกอนแร่ธาตุที่ตกค้าง
• ภาวะปัสสาวะเล็ด/กลั้นไม่อยู่: จากกล้ามเนื้ออ่อนแรง
• ไตวายเรื้อรัง: ในกรณีที่มีการติดเชื้อซ้ำ ๆ หรือปัสสาวะย้อนกลับไปทำลายเนื้อไต
ใครบ้างที่เสี่ยงอันตรายมากกว่าคนทั่วไป
• ผู้หญิง เสี่ยง UTI มากกว่าผู้ชาย
• หญิงตั้งครรภ์ มดลูกกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ
• ผู้สูงอายุ กล้ามเนื้ออ่อนแรงและประสาทควบคุมการขับถ่ายเสื่อม
• ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งมีน้ำตาลในปัสสาวะสูง เอื้อต่อการเจริญของเชื้อโรค
• เด็ก ที่ยังควบคุมการขับถ่ายได้ไม่สมบูรณ์
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกลั้นฉี่
• "กลั้นฉี่เป็นการฝึกกล้ามเนื้อ" ความจริงคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงลง
• "กลั้นแป๊บเดียวไม่เป็นไร" ถ้าบ่อยครั้งก็สะสมความเสี่ยง
• "ปัสสาวะใส แสดงว่าไตแข็งแรง ไม่เป็นโรค" จริงแล้ว ไม่เสมอไป การติดเชื้อบางครั้งไม่ทำให้สีปัสสาวะเปลี่ยน
เมื่อไหร่ควรรีบไปหาหมอ
• ปัสสาวะขัด ปัสสาวะบ่อยแต่ได้น้อย
• ปัสสาวะเป็นเลือดหรือมีกลิ่นแรง
• ปวดเอว/หลัง ร่วมกับมีไข้
• ปัสสาวะเล็ดบ่อย ๆ จนกระทบชีวิตประจำวัน
อาการเหล่านี้บ่งชี้ถึงโรคในระบบทางเดินปัสสาวะที่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
เทคนิคดูแลสุขภาพกระเพาะปัสสาวะในชีวิตประจำวัน
• ดื่มน้ำสะอาดเพียงพอวันละ 6–8 แก้ว
• ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมหรือคาเฟอีนมากเกินไป เพราะกระตุ้นให้ปวดฉี่บ่อย
• ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ไม่กลั้นบ่อย
• สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้น
• สำหรับผู้หญิง ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
การปวดฉี่เป็นสัญญาณที่ร่างกายบอกให้เราขับของเสียออก การกลั้นฉี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นพฤติกรรมที่สะสมความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งโรคติดเชื้อ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่ว และแม้แต่ภาวะไตวายเรื้อรัง แม้บางครั้งเราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ควรตระหนักว่าการตอบสนองต่อความต้องการทางธรรมชาติของร่างกายคือการป้องกันโรคที่ดีที่สุด
รวบรวมข้อมูลจาก: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล / คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล