ปันผลเลือกรับเงินสด หรือรับเป็นหุ้นปันผลดี?
#ทันหุ้น – ในช่วงนี้เรากำลัง ทยอยเห็นบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเราก็จะเริ่มเห็นกันแล้วว่ามีบริษัทไหนบ้างที่เตรียมจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
แต่สิ่งที่เราต้องพิจารณาให้ดี ก็คือ เงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นนั้นมีทั้งจ่ายเป็นเงินสดและจ่ายเป็นหุ้น ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป วันนี้จะพาไปดูกันว่าเราเหมาะกับหุ้นปันผลแบบไหน จะรับเป็นเงินสด หรือรับเป็นหุ้นดี? เพื่อให้นำไปพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นปันผล
เรามาดูกันว่า “หุ้นปันผล” คืออะไร และทำไมถึงเป็นที่หมายตาของนักลงทุนสายเก็บหุ้นปันผล ลองนึกภาพแบบนี้ หุ้นปันผล ก็เหมือนกับการที่บริษัทแบ่งกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจมาคืนให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว บริษัทที่เลือกจ่ายปันผลมักจะเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง มีรายได้ที่แน่นอน ทำให้เรามั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่าธุรกิจของเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
โดยปกติแล้ว การจ่ายปันผลอาจจะเป็นรายปี หรือจ่าย 2 ครั้งต่อปี แต่สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ คือ ปัจจุบันบริษัทนิยมจ่ายปันผลอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ เรามาดูกันว่ามีแบบไหนบ้าง
มาเริ่มกันที่แบบแรก จ่ายปันผลเป็นเงินสด (Cash Dividend) รูปแบบนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ พูดง่าย ๆ คือ บริษัทนำกำไรหรือกำไรสะสมมาจ่ายเป็นเงินสด โอนเข้าบัญชีธนาคารของนักลงทุนโดยตรงเลย พอเงินเข้าบัญชีแล้ว เราก็สามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามต้องการ หรือจะนำไปลงทุนต่อในสินทรัพย์อื่นๆ ก็ได้
แล้วทำไมบริษัทถึงเลือกจ่ายเป็นเงินสด? การที่บริษัทเลือกจ่ายปันผลเป็นเงินสดได้ แสดงว่ามี กระแสเงินสด ที่เพียงพอ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีเสถียรภาพสูงมาก นี่คือ สัญญาณที่ดีที่บอกว่าบริษัทมีสภาพคล่องเยี่ยม ผลประกอบการแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือ ไม่เกิด Dilution Effect หรือผลกระทบจากการที่จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นแล้วทำให้ราคาหุ้นลดลง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
มาต่อกันที่แบบที่สอง จ่ายปันผลเป็นหุ้น (Equity Stock Dividend) รูปแบบนี้ คือ การที่บริษัทจะเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญ แล้วนำมาจ่ายเป็นปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตราส่วน 10:1 หมายความว่า ถ้าถือหุ้นอยู่ 10 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผลเพิ่มอีก 1 หุ้น
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วบริษัทจ่ายเป็นหุ้นทำไม ไม่จ่ายเป็นเงินสด? เหตุผลก็คือ บริษัทต้องการ เก็บเงินสด เอาไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ หรือลดการกู้ยืมเงินนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการ เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น ให้กับบริษัทด้วย และบริษัทที่เลือกจ่ายปันผลเป็นหุ้น มักจะมองว่าในอนาคตธุรกิจของเขามีโอกาสที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด
แต่การรับปันผลเป็นหุ้นก็มีข้อควรพิจารณา คือ ถ้าหากปีถัดไปผลประกอบการของบริษัทเติบโตน้อยกว่าผลกระทบของ Dilution Effect ก็อาจจะทำให้ กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลดลงได้ ตรงนี้เองที่เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้นมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งพอจะรับมือกับตรงนี้ได้ไหม
สรุป จะเห็นได้ว่า การจ่ายปันผลทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แล้วนักลงทุนส่วนใหญ่ชอบแบบไหนมากกว่ากัน? โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ยังชื่นชอบหุ้นปันผลที่จ่ายเป็นเงินสด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการเงินสดไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น วัยเกษียณ หรือคนที่วางแผนจะนำเงินปันผลไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
แต่ปัจจุบันก็มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลยที่หันมาสนใจ รับปันผลเป็นหุ้น เพราะมองว่าหุ้นปันผลที่ได้รับนั้นมีโอกาสที่จะ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต ยกตัวอย่าง ถ้าวันที่ได้หุ้นปันผลมา ราคาหุ้นอยู่ที่ 2 บาท แต่พอเวลาผ่านไป ราคาหุ้นขยับขึ้นไปที่ 5 บาท นั่นหมายความว่า มูลค่าที่คุณได้รับอาจจะมากกว่าการได้เงินปันผลเป็นเงินสดเสียอีก
ดังนั้น การรับปันผลเป็นหุ้นจึงเหมาะกับนักลงทุนที่ เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว หรือผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสด เช่น ผู้ที่มีรายได้ประจำและต้องการให้หุ้นปันผลเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ
การตัดสินใจเลือกว่าจะรับปันผลเป็นเงินสด หรือรับเป็นหุ้นนั้น ไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ และความเหมาะสมของนักลงทุนเป็นสำคัญ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นปันผล อย่าลืมพิจารณาว่าเราเหมาะกับการรับปันผลแบบไหน เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด