MOODY: จริงไหม ‘ยิ่งเหงา’ ยิ่งไม่อยากทำอะไร เลย ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ ไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีกำลังใจ
เรามักคุ้นเคยกับความเหงา ในรูปแบบของการไม่มีคนข้างกาย หรือต่อให้มีเพื่อนเป็นสิบแต่ในใจกลับรู้สึกว่า ‘ไม่เติมเต็ม’ อยู่ดี
แล้วทุกครั้งที่เหงามักทำให้คนเราเหี่ยวเฉา ไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกโหยหาบางอย่าง แต่รู้ไหมว่าความเหงาสามารถแทรกซึมเข้าไปบั่นทอนแรงใจ จนทำให้เรา ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ กับหลายเรื่องในชีวิตโดยไม่รู้ตัวได้อีกด้วยนะ
โดยปกติแล้วเวลาคนเรามีพฤติกรรมผัดวันประกันพรุ่ง หลายคนมักโทษความขี้เกียจ ความไม่พร้อม หรือความกลัวความล้มเหลว ว่าเป็นต้นเหตุของการเลื่อนงานไปเรื่อยๆ จนถึงนาทีสุดท้าย แต่ในมุมมองทางจิตวิทยา กลับพบว่ามีความรู้สึกหนึ่งที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง นั่นคือความเหงาที่ฝังรากลึกไว้ตั้งแต่วัยเด็ก
มาร์ก กูลสตัน (Mark Goulston, M.D.) อธิบายไว้ในหนังสือ ‘Get Out Of Your Own Way’ ว่า บางคนเติบโตมาโดยเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยง ‘ความท้าทาย’ เข้ากับ ‘ความเจ็บปวดจากการต้องเผชิญลำพัง’ เขายกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้
ลองจินตนาการถึงเด็กคนหนึ่งที่หัดเดินโดยมีคนคอยยิ้มให้ ส่งกำลังใจให้ และชื่นชมในทุกก้าวที่เขาพยายาม แม้จะล้มบ้าง แต่ทุกครั้งที่ลุกขึ้นได้ เขากลับรู้สึกว่ามันคุ้มค่าเพราะไม่ต้องทำคนเดียว
แต่ถ้าเป็นเด็กที่หัดเดินแล้วเจอกับความรำคาญหรือสายตาตำหนิเมื่อพลาด และไม่มีใครตื่นเต้นเมื่อเขาทำสำเร็จ เด็กคนนั้นจะค่อยๆ เรียนรู้ว่าความยากมาพร้อมกับความโดดเดี่ยวและความเจ็บปวด และเมื่อโตขึ้น ภารกิจที่ต้องเผชิญเพียงลำพังจึงดูเป็นเรื่องที่หนักเกินไปและน่าผัดออกไปเสมอ
แต่ความทรงจำเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในวัยเด็ก วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้นก็อาจสะสมประสบการณ์ที่คล้ายกัน เช่น การถูกกลั่นแกล้ง ถูกตัดขาดจากกลุ่ม หรือถูกทำให้อับอายโดยไม่มีใครยืนอยู่ข้างเราในวันที่ต้องเผชิญเรื่องยากๆ สิ่งเหล่านี้เหมือนโปรแกรมที่ฝังอยู่ในใจว่า ‘ความยาก คือ ความเจ็บปวดและการถูกปฏิเสธ’ และหากไม่มีหลักฐานใหม่ๆ มาลบล้างความเชื่อนี้ เช่น การมีกลุ่มเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่คอยสนับสนุน ความมั่นใจในการทำเรื่องยากๆ ให้สำเร็จก็มักจะหายไป
บางครั้งวิธีเริ่มแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การบังคับตัวเองให้ขยันขึ้น แต่อยู่ที่การถามตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ว่า “ตอนนี้เรารู้สึกเหงาหรือเปล่า” “ตอนเด็กเราเคยได้รับกำลังใจในวันที่เจองานยากไหม หรือกลับถูกตำหนิและทอดทิ้ง” และ “เมื่อมีใครคอยให้กำลังใจ เราทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นหรือไม่”
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการสนับสนุนทางสังคมช่วยลดการผัดวันประกันพรุ่งได้จริง และกูลสตันก็ย้ำว่า “คนที่ผัดวันประกันพรุ่งสามารถกลายเป็นคนลงมือทำได้ เมื่อเขาอยู่ท่ามกลางผู้อื่น” (ที่คอยสนับสนุนเขาด้วยนะ)
ถ้าวันนี้คุณไม่มีใครใกล้ตัวที่อยากชวนมาร่วมทาง ลองนึกถึงใครสักคนที่คุณไม่อยากทำให้ผิดหวังดู อาจเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เพื่อนสนิท หรือครู และใช้ภาพของเขาเป็นแรงพลังในวันที่รู้สึกท้อ ลองจินตนาการว่าเขายิ้มให้ ส่งกำลังใจให้ และชื่นชมเมื่อคุณทำสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงภาพในใจ แต่บางครั้งก็พอจะทำให้เราก้าวข้ามความลังเลและลงมือทำสิ่งที่ผัดผ่อนมานานก็ได้นะ
แม้บางครั้งความเหงาอาจทำให้เราขอผัดวันประกันพรุ่ง แม้กระทั่งการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ เพราะกลัวว่าจะเจ็บซ้ำเช่นในอดีต แต่ความเชื่อมโยงกับผู้คนไม่เพียงช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จตามกำหนด แต่มันยังช่วยลดความเครียดและเยียวยาหัวใจของเราได้
เพียงลองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น เข้ากลุ่มที่ชอบอะไรเหมือนกัน ลงเรียนคอร์สสั้นๆ ร่วมงานอาสาสมัคร หรือแม้แต่เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนในชุมชน แม้การก้าวออกจากเซฟโซนเพียงนิดเดียวอาจน่ากลัวในความคิด แต่เมื่อได้ลองทำจริงๆ เราอาจพบว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ต่างกับงานบางงานที่เราผัดวันทำมานานมาก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วกลับพบว่ามันง่ายกว่าที่ใจเคยจินตนาการไว้นี่นา
ถ้าทุกคนไม่รู้จะหันไปหาใครในวันที่อยากได้รับคำชื่นชมเมื่อทำอะไรสำเร็จ ลองมาแชร์กันในคอมเมนต์นี้ได้นะ MOODY จะเป็นกำลังใจและกดหัวใจส่งกลับไปให้เสมอ
อ้างอิง:
- Loneliness Makes Us Procrastinate More https://shorturl.asia/TjKUa