โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นโยบายปกครองเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ของ “โจโฉ” เบื้องหลังความแข็งแกร่งของรัฐวุยในยุคสามก๊ก

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 06 ส.ค. เวลา 10.36 น.
ภาพวาดโจโฉในการรบที่ผาแดง (ภาพโดย Shizhao ใน World History Encyclopedia)

เหตุการณ์ในสามก๊กไม่ใช่เรื่องราวของคน “หัวเซี่ย” หรือชาวฮั่น (จีนแท้) เท่านั้น เพราะแผ่นดินจีนมีผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ประวัติศาสตร์แห่งการหลอมรวมเพื่อ “กลืน” เผ่าพันธุ์อื่น ๆ จึงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติจีนอย่างแยกกันไม่ออก

เบื้องหลังการก่อสร้างรัฐวุย ง่อ และจ๊ก ของโจโฉ ซุนกวน และเล่าปี่ ตามลำดับ นอกจากต้องทำสงครามชิงดินแดนและผู้คนกันแล้ว ผู้นำทั้ง 3 ยังต้องเผชิญกับปัญหาชนเผ่าอื่น ๆ ในพื้นที่ของตนด้วย ตัวอย่างชัด ๆ เลยคือการปราบคนเถื่อนแดนใต้ของ “ขงเบ้ง” กุนซือคนสำคัญของเล่าปี่

วุยก๊กกับง่อก๊กเองมีเรื่อง (มี) ราวกับชนเผ่าต่าง ๆ แทรกอยู่เช่นกัน แต่ “หลอกว้านจง” (ผู้ประพันธ์สามก๊ก) ไม่ได้เน้นกล่าวถึง ทั้งที่เหตุการณ์เหล่านั้นกระทบต่อประวัติศาสตร์จีนอย่างใหญ่หลวง

โอกาสนี้จะขอเล่าถึงนโยบายของวุยก๊กในการ “จัดการ” ชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวฮั่น

วุยก๊กของโจโฉปกครองดินแดนภาคเหนือและภาคกลางหรือแผ่นดินตงง้วน (จงหยวน) ซึ่งเป็นอาณาบริเวณที่มีอาณาเขต หัวเมือง และราษฎรมากที่สุดในสามก๊ก ปัญหาเรื่องชนเผ่าในวุยก๊กจึงซับซ้อนที่สุดตามไปด้วย พื้นที่ตรงนี้มีการผสมผสานทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมระหว่างจีนแท้ลุ่มแม่น้ำฮวงโหกับชนเผ่ารอบ ๆ ทุกทิศทุกทาง ทั้งทิศเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันตก

นอกจากนี้ กำแพงเมืองจีนที่กั้นระหว่างชาวฮั่นกับชนเผ่าทางเหนือ หรือที่เรียกว่าชนเผ่านอกด่านก็อยู่ในเขตของวุยก๊ก กำแพงนี้สร้างและต่อเติมเรื่อยมาตั้งแต่ยุคเลียดก๊ก (ศตวรรษที่ 8-5 ก่อนคริสตกาล) สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปีที่ 221-210 ก่อนคริสตกาล) เนื่องจากวัฒนธรรมหัวเซี่ยมีรากฐานเป็นเกษตรกรรม ส่วนคนทางเหนือคือปศุสัตว์ กำแพงนี้จึงมีหน้าที่ป้องกันการรบกวนจากชนเผ่าทางเหนือ ซึ่งเป็นนักรบบนหลังม้าไม่ให้มารบกวนชาวนาในตงง้วน

พอมาถึงยุคสามก๊ก ชนเผ่านอกด่านบางส่วนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวุยก๊ก ได้แก่ เผ่าอูหวน ซงหนู ตี๋ เชียงโดยที่บางส่วน (เผ่าเดียวกัน) ก็อยู่นอกการปกครองของวุยก๊ก รวมถึงเผ่าเซียนเปย ตงอี้และเผ่าต่าง ๆ ในเอเชียกลาง ที่วุยก๊กไม่ได้เข้าไปปกครองโดยตรง

การปะทะสังสรรค์ระหว่างอารยธรรมเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในยุคสามก๊ก ยังส่งผลต่อประวัติศาสตร์จีนหลังจากนั้น ดังเห็นว่ามีชนเผ่านอกด่านเข้ามาปกครองจีนได้ถึง 3 ครั้งใหญ่ ๆ ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังยุคสามก๊ก คือปลายราชวงศ์จิ้น ต่อยุคหนาน-เป่ย หรือราชวงศ์เหนือ-ใต้ (ค.ศ. 420-589) ครั้งที่ 2 คือราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล (ค.ศ. 1271-1368) และครั้งที่ 3 คือราชวงศ์ชิงของชาวแมนจู (ค.ศ. 1636-1912)

การที่ชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวหัวเซี่ยสามารถครอบครองตงง้วนในยุคหนาน-เป่ยได้นั้น สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็สืบทอดมาจากนโยบายของโจโฉนั่นเอง

ยุทธศาสตร์การจัดการกับชนเผ่าต่าง ๆ ของโจโฉ สรุปสั้น ๆ ได้ดังนี้

ต่อเผ่าอูหวน ซงหนู ตี๋ และเชียง ที่อยู่ในอาณาจักร โจโฉใช้นโยบายกำราบปราบปรามก่อน จากนั้นโยกย้ายให้กระจายตัวกันออกไป บังคับเกณฑ์ไพร่พลเข้ากองทัพ และเก็บส่วยภาษีต่าง ๆ เหมือนราษฎรจีน เรียกว่านโยบาย “หลอมรวมด้วยกำลังบังคับ”

สำหรับชาวเซียนเปย ซึ่งอยู่นอกอาณาจักร โจโฉใช้นโยบายเกลี้ยกล่อมให้ยอมเป็นเมืองขึ้น เรียกว่า“นโยบายสวมบังเหียน”

ส่วนชาวตงอี๋ และเผ่าต่าง ๆ ในซีเซี่ย (เอเชียกลาง) โจโฉใช้นโยบายผูกสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แลกเปลี่ยนด้วยระบบ “จิ้มก้อง”

ร่องรอยในวรรณกรรม

เรื่องราวของโจโฉกับชนต่างเผ่าปรากฏอยู่ในวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) นั่นคือ เผ่าอูหวนซึ่งโจโฉสามารถกำราบจนราบคาบได้เมื่อ ค.ศ. 207

เดิมชาวอูหวนเป็นกำลังหนุน “อ้วนเสี้ยว” คู่ปราบคนสำคัญในช่วงสถาปอำนาจวุยก๊ก เมื่อโจโฉปราบอ้วนเสี้ยวสำเร็จ ตามด้วยกวาดล้างอ้วนฮี อ้วนซง บุตรของอ้วนเสี้ยว ผนวกเมืองกิจิ๋วและเปงจิ๋วเป็นของตน ปรากฏว่า 2 พี่น้องสกุลอ้วนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปพึ่งเผ่าอูหวน โจโฉจึงตามไปพิชิต “เป๊กตุ้น” ประมุขเผ่าอูหวนที่เมืองหลิวเซีย (หลินเฉิง) เพื่อถอนรากถอนโคนศัตรูในแดนเหนือ

เผ่าอูหวนสงบราบคาบอยู่พักหนึ่งก็แข็งข้อขึ้นอีก โจโฉจึงส่งโจเจียงบุตรชายเป็นแม่ทัพไปปราบได้สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 218

ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีเหตุการณ์สงครามระหว่างโจโฉกับ “โกกัน” เจ้าเมืองเปงจิ๋ว (ซานซี) ดินแดนเปงจิ๋วมี เผ่าซงหนู อาศัยอยู่แสนกว่าคน ซึ่งปลายราชวงศ์ตงฮั่น (ค.ศ. 25-220) พวกซงหนูมักจะรุกรานจีนอยู่บ่อยครั้ง โจโฉทำสงครามปราบปรามเผ่านี้ได้ชัยชนะเป็นลำดับจนประสบความสำเร็จอย่างเด็ดขาดคราวปราบโกกัน จากนั้นใช้นโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง ตั้งตานอวี่ (ประมุขเผ่า) ปกครองพวกซงหนูโดยแบ่งเป็น 5 เขต ตั้งแต่นั้นชนกลุ่มนี้ก็ไม่ก่อความวุ่นวายให้วุยก๊กอีกเลย

ต่อมาคือเผ่าตี๋ เผ่าเชียงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางแถบกานซู่และส่านซี สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกดินแดนเหล่านี้ว่า ตงเหลียง และเสเหลียง ในเนื้อความตอนม้าเฉียว-หันซุย ทำศึกกับโจโฉ กำลังพลของม้าเฉียวและหันซุยส่วนใหญ่ก็คือเผ่าตี๋ เผ่าเชียง นี้เอง

ตามประวัติศาสตร์ ชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ทั่วกานซู่ ส่านซี รวมถึงฮันต๋ง ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเตียวฬ่อ เมื่อโจโฉปราบปรามขุนศึกเหล่านี้เสร็จ ก็อพยพชาวตี๋ ชาวเชียง ไปเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรวุยก๊กถึง 8 แสนกว่าครัวเรือน

สำหรับเผ่าเซียนเปยโจโฉใช้ยุทธวิธีแบ่งแยกแล้วเกลี้ยกล่อมให้สวามิภักดิ์ พร้อมตั้งประมุขเผ่าใหญ่ ๆ ให้เป็นอ๋อง ถ้าเผ่าใดในพวกเซียนเปยแข็งแกร่งเกินไปก็จะกำราบปราบปรามให้อ่อนกำลังลง

โจโฉดำเนินยุทธศาสตร์โดยใช้ไม้แข็งสลับไม้อ่อน ครบทั้ง “พระเดช” และ “พระคุณ” ซึ่งมีประสิทธิภาพทีเดียว เพราะทำให้วุยก๊กมีกำลังเหนือกว่าอีก 2 ก๊กอย่างชัดเจนตลอดยุคสามก๊ก

อย่างไรก็ตาม นโยบายกวาดต้อนอพยพชนเผ่าต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในอาณาจักรส่งผลเสียในระยะยาว เมื่อลูกหลานของโจโฉ ตลอดจนฮ่องเต้ราชวงศ์จิ้น (ลูกหลานสุมาอี้) ปฏิบัติแนวทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนระหว่างพลเมืองหัวเซี่ยกับชนต่างเผ่าเสียสมดุล คือมีจำนวนคนที่เป็นชนเผ่าอื่น ๆ มากเกินควบคุม

สุดท้าย เมื่อราชวงศ์จิ้นเสื่อมโทรมจึงเกิดจลาจลขึ้น ชนเผ่าต่าง ๆ ลุกฮือก่อตั้งราชวงศ์ของเผ่าตนเอง แยกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อยมากมายในยุคหนานเป่ย ส่วนราชวงศ์จีนแท้ต้องอพยพหลบภัยลงใต้อย่างสะบักสะบอม กว่าจะรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นได้อีกก็ต้องใช้เวลาร่วมร้อยปี

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

สามก๊ก ฉบับสามกั๊ก (ไม่ระบุผู้เขียน).เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ในสามก๊ก : วุยก๊ก นโยบายยืดหยุ่น ยุทธศิลป์อันชาญฉลาดของ – โจโฉ.นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2536.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 สิงหาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นโยบายปกครองเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ของ “โจโฉ” เบื้องหลังความแข็งแกร่งของรัฐวุยในยุคสามก๊ก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

ความหมายเบื้องหลังเรื่องเล่า "พระเจ้าอู่ทอง" ปราบ "นาค" ก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“เกาะบอร์เนียว” เกาะใหญ่อันดับ 3 ของโลก ที่ไม่ได้มีแค่อินโดนีเซีย แล้วมีประเทศไหนอีกบ้าง?

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เผยตัวตนเอฟบีไอสองหน้า แฉข้อมูลลับให้สื่อจนนิกสัน ลาออกจากปธน. แต่ปากบอกไม่ได้ทำ

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คณะสำรวจแม่น้ำโขง ปี 1866-1868 กับภาพวาดสุดล้ำค่า

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ม.เกริก ยันยังไม่ถอนปริญญา ฮุนเซน อธิการบดีฯชี้ การศึกษา-การเมือง คนละเรื่องกัน

MATICHON ONLINE

เช็กสัญญาณเตือน ‘ภาวะสิ้นยินดี’ อาการทางใจที่เหมือนตายทั้งเป็น

Manager Online

“Jurassic World: The Experience” ท่องแดนไดโนเสาร์ (เหมือน) มีชีวิตใหญ่ที่สุดในโลก ที่ “เอเชียทีค”

Manager Online

“เธอไปไหนมานะ?” Mariah Carey ไม่รู้ว่า Katy Perry ไปทริปสู่อวกาศมา

THE STANDARD
วิดีโอ

ยินดีที่ได้ทัก : เบื้องหลังเยือน "ศรีมหาโพธิ"

Thai PBS

The Decorum: ร้านสูทที่มอง ‘ความคลาสสิก’ เป็นเสาหลัก แต่ไม่ใช่ทุกอย่างของพวกเขา

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

Kelly Clarkson เลื่อนโชว์ในลาสเวกัส ก่อนที่อดีตสามีเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

THE STANDARD

ศิลปินเจนซีที่ผลิบานด้วยตัวเอง “วิว นันท์นภัส” นักวาดภาพวันวิวาห์

a day magazine

ข่าวและบทความยอดนิยม

อิเอนากะ ซาบุโระ ผู้ที่ทำให้ญี่ปุ่นยอมใส่ "เหตุการณ์สังหารโหดที่นานกิง" ลงในตำรา

ศิลปวัฒนธรรม

ชนชั้นนำสยามสมัยรัชกาลที่ 1-5 เรียนรู้เรื่องกัมพูชาจากไหน?

ศิลปวัฒนธรรม

"เน่าแล้วอร่อย" เผยเคล็ดลับการหมักอาหารคนอาเซียน ไม่ต่างกับการทำศพ!

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...