ตาย 4 ราย สูญหาย 100 คน เหตุน้ำท่วมฉับพลันถล่มเมืองในเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย
เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันพัดพาโคลนไหลบ่าเข้าถล่มเมืองแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 4 ราย และมีผู้สูญหายอีกประมาณ 100 คน
อาคารที่พักอาศัยบางส่วนจมอยู่ใต้น้ำโคลน หลังจากพายุฝนกระหน่ำทำให้เกิดดินโคลนถล่มครั้งใหญ่ในรัฐอุตตราขัณฑ์ของอินเดีย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม (Photo by Indian Army / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า เมืองแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยของอินเดียประสบเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่พัดพาโคลนไหลบ่าเข้าถล่มจนส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และสูญหายอีกประมาณ 100 คน
กระแสน้ำเชี่ยวกรากได้พัดถล่มพื้นที่หุบเขาแคบๆ จนอาคารบ้านเรือนพังทลายในเมืองธาราลี รัฐอุตตราขัณฑ์
ซันเจย์ เซธ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย กล่าวกับสื่อว่า "สถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรง เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต 4 ราย และมีผู้สูญหายอีกประมาณ 100 คน ซึ่งเราขอภาวนาให้พวกเขาปลอดภัย"
วิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่ออินเดียแสดงให้เห็นคลื่นน้ำโคลนที่รุนแรงพัดถล่มอาคารอพาร์ตเมนต์หลายชั้นในย่านท่องเที่ยว
หลายคนวิ่งหนีก่อนที่จะถูกคลื่นซากปรักหักพังสีดำกลืนกินจนอาคารทั้งหลังจมลงทันตา
ปุชการ์ ซิงห์ ธามี มุขมนตรีรัฐอุตตราขัณฑ์กล่าวว่า หน่วยกู้ภัยได้ถูกส่งไปเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจครั้งใหญ่
กองทัพอินเดียกล่าวว่าทหาร 150 นายได้เดินทางมาถึงเมืองแล้ว และช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากกำแพงโคลนที่แข็งตัวราว 20 คน
"ดินถล่มครั้งใหญ่ในธาราลีทำให้เกิดเศษซากและน้ำไหลบ่าเข้ามาอย่างกะทันหันในชุมชน" กองทัพกล่าว
ภาพที่กองทัพเผยแพร่ซึ่งถ่ายจากพื้นที่หลังจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดผ่านไป เผยให้เห็นแม่น้ำโคลนที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ โดยพื้นที่กว้างใหญ่ของเมืองถูกน้ำท่วมด้วยเศษซากปรักหักพังและโคลนซัดเข้าหาหลังคาบ้านเรือน
อาร์ปัน ยาดูวันชี ผู้บัญชาการกองกำลังรับมือภัยพิบัติแห่งรัฐ กล่าวว่า โคลนมีความลึก 50 ฟุต (15 เมตร) ในบางพื้นที่จนท่วมอาคารบางหลังจมน้ำ
โฆษกกองทัพอินเดียกล่าวว่า ความพยายามค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป โดยได้จัดสรรทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อค้นหาและอพยพผู้ประสบภัยที่ยังติดค้าง
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แสดงความเสียใจผ่านแถลงการณ์ และกล่าวว่ารัฐบาลยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
มุขมนตรีรัฐอุตตราขัณฑ์กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักอย่างฉับพลันและรุนแรง โดยเรียกความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า "น่าเศร้าและน่าเวทนาอย่างยิ่ง"
กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียออกคำเตือนสีแดงสำหรับพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่ามีฝนตกหนักมากประมาณ 21 เซนติเมตร (8 นิ้ว) ในพื้นที่ห่างไกลของรัฐอุตตราขัณฑ์
ทั้งนี้ อุทกภัยและดินถล่มที่ร้ายแรงมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูมรสุมตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับการขยายตัวของเมือง กำลังเพิ่มความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของสหประชาชาติระบุเมื่อปีที่แล้วว่า อุทกภัยและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณเตือนภัยของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้วัฏจักรน้ำของโลกคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น
ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ฤดูมรสุมของอินเดียมีฝนตกหนักมาก ขณะเดียวกันการตัดภูเขา, การก่อสร้างที่ไร้หลักวิทยาศาสตร์, ไม่ยั่งยืน และไร้ความระมัดระวัง รวมทั้งการปิดกั้นแม่น้ำเพื่อสิ่งที่เรียกว่า 'การพัฒนา' กำลังทำลายระบบป้องกันตามธรรมชาติของประเทศเอเชียใต้แห่งนี้.