โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สหรัฐฯ ใช้ระเบิดนิวเคลียร์กับญี่ปุ่น รุนแรงเกินไปหรือไม่?

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
วันนี้เป็นวันครบรอบ 80 ปี ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมะของญี่ปุ่น ซึ่งคำถามที่ยังคงถกเถียงกันมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรองรับมากแค่ไหน เป็นการใช้ความรุนแรงที่เกินความจำเป็นหรือไม่

วันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 คือวันที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 140,000 ราย และหลังจากนั้นอีกสามวัน สหรัฐฯ ก็ทิ้งระเบิดปรมาณูอีกลูกใส่เมืองนางาซากิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 70,000 ราย และนำมาสู่จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข

คำถามที่ยังคงถกเถียงกันมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือการทิ้งระเบิดปรมาณู หรือระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรองรับมากแค่ไหน ที่แม้จะช่วยจบสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตคนที่เสียชีวิตเพราะระเบิดปรมาณูมากกว่า 200,000 คน หรือนี่จะเป็นแค่การฉวยโอกาสแสดงอำนาจทางทหารของสหรัฐฯ ที่ไม่จำเป็น

แม้แต่นักประวัติศาสตร์ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการใช้ระเบิดปรมาณู มองว่า ณ ขณะนั้น การใช้ระเบิดปรมาณูอาจจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล เพื่อยุติสงครามในทันที ไม่เช่นนั้น การสู้รบอาจจะยืดเยื้อออกไปอีกนาน

แอนโทนี บีวอร์ นักประวัติศาสตร์ด้านการทหาร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสงครามโลกครั้งที่สอง ระบุว่าหากไม่ใช้ระเบิดปรมาณู สหรัฐฯ จะต้องยกกำลังทหารบุกเข้าแผ่นดินของญี่ปุ่น ซึ่งมีโอกาสที่จะรบกันรุนแรง เนื่องจากทหารญี่ปุ่นได้รับการปลูกฝังให้ต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินจนถึงที่สุด ประเมินว่าการสู้รบบนแผ่นดินญี่ปุ่น จะทำให้มีทหารอเมริกัน ทหารประเทศพันธมิตร และทหารญี่ปุ่น เสียชีวิตรวมกันกว่า 500,000 นาย และมีเอกสารจากฝ่ายญี่ปุ่นที่ได้รับการเปิดเผยภายหลังว่า ฝ่ายญี่ปุ่นพร้อมจะสละชีวิตประชาชน 28 ล้านคน เพื่อต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ

หากมองจากมุมมองนี้แล้ว การตัดสินใจของสหรัฐฯ ก็อาจจะสมเหตุสมผลที่เลือกใช้วิธีที่อาจจะรุนแรงที่สุด เพื่อแลกกับการยุติสงครามให้เร็วที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้สงครามยืดเยื้อต่อไป ที่อาจจะทำให้มีคนเสียชีวิตมากเกินกว่าจะคาดการณ์ได้

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางส่วนโต้แย้งว่า การใช้ระเบิดปรมาณูแทบไม่มีความจำเป็นเลย เพราะในเวลานั้น ญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่ใกล้ยอมแพ้เต็มที่แล้ว มาร์ติน เจ เชอร์วิน นักประวัติศาสตร์ด้านสงครามโลกครั้งที่สอง มองว่าการตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ เป็นความผิดพลาดและเป็นเรื่องเศร้าที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยมองว่า ณ ตอนนั้น ญี่ปุ่นถูกสหภาพโซเวียตรุกราน โดยในตอนแรก ทางญี่ปุ่นที่มีแผนจะยอมแพ้อยู่แล้ว หวังว่าสหภาพโซเวียตที่ยังรักษาสถานะเป็นกลางกับญี่ปุ่นจะช่วยเป็นตัวกลางเจรจาเงื่อนไขการยอมแพ้ของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ เพื่อให้ญี่ปุ่นได้เงื่อนไขการยอมแพ้ที่ดีขึ้น แต่เมื่อสหภาพโซเวียตเปลี่ยนท่าทีเริ่มหันมาสู้รบกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงไม่เหลือทางเลือกอะไรอื่นอีก นอกจากต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข

ส่วนทาง แฮร์รี่ ทรูแมน ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวลานั้น รู้ดีว่าญี่ปุ่นก็กำลังเตรียมที่จะยอมแพ้แล้ว เพราะสหรัฐฯ ดักฟังการสื่อสารของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ส่งข้อความไปยังสถานทูตของญี่ปุ่นในกรุงมอสโกที่มีใจความว่า “กองทัพญี่ปุ่นพ่ายแพ้แล้ว เราต้องเจรจาเงื่อนไขการยอมแพ้ โดยเงื่อนไขการเจรจาสันติภาพของญี่ปุ่นคือการดำรงอยู่ของจักรพรรดิจะต้องดำเนินต่อไป” ซึ่งทางทำเนียบขาวในเวลานั้น ได้มีการถกเถียงรื่องนี้กันอย่างดุเดือดว่า หากสหรัฐฯ รับประกันว่าจะไม่แตะต้องจักรพรรดิของญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นจะยอมแพ้จริงหรือไม่

แต่สหรัฐฯ กังวลว่าถึงญี่ปุ่นจะยอมแพ้จริง แต่สหภาพโซเวียตอาจจะฉวยโอกาสเข้ามายึดครองพื้นที่ทางภาคเหนือของญี่ปุ่น จึงตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามในทันที ซึ่งนักประวัติศาสตร์เชื่อว่า สหรัฐฯ ต้องการใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อข่มขู่สหภาพโซเวียตด้วย และโอกาสเดียวที่สหรัฐฯ จะใช้ระเบิดปรมาณูได้โดยที่มีข้ออ้าง คือการใช้ระเบิดปรมาณูกับญี่ปุ่นเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่สอง

การที่สหรัฐฯ ตัดสินใจเป็นผู้ใช้ระเบิดปรมาณูเป็นประเทศแรกและเป็นประเทศเดียวของโลกจนถึงตอนนี้ ทำให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านอาวุธนิวเคลียร์ และนำโลกสู่ยุคสงครามเย็นที่หลาย ๆ ชาติ ต่างหันมาสะสมอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้เป็นข้อได้เปรียบในการเจรจาต่อรองและการกดดันทางทหาร และไม่ว่าการตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่มีเหตุผลรองรับหรือไม่ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คนทั่วโลกเห็นด้วยก็คือระเบิดปรมาณูไม่ควรถูกนำมาใช้อีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ประวัติ ขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่

20 นาทีที่แล้ว

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (6 ส.ค. 68) ปรับลง 1.05%

32 นาทีที่แล้ว

“พลาสติก” ทะลักโลก ถูกนำไปรีไซเคิลจริงแค่ 10% นักวิทย์ฯเตือนเข้าสู่จุดวิกฤต

33 นาทีที่แล้ว

ดวงอาทิตย์ตั้งฉากฤดูฝน กทม. ร้อนสุดขีด 16 ส.ค.นี้?

37 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

สลด นักบินหญิง เครื่องบินตกเสียชีวิต ขณะทำภารกิจบินเดี่ยวรอบโลก

Thaiger

อ่วม! พายุฝนกระหน่ำ "ฮ่องกง" เจอฝนตกหนักสุดในรอบ 140 ปี

THE ROOM 44 CHANNEL

กัมพูชา “ผิดหวัง” ไทยจ่อดำเนินคดีทางกฎหมาย อ้างลวดหนามช่องอานม้าถูกรื้อแล้ว

PPTV HD 36

เปิดรายงาน เรือดำน้ำไททันระเบิด พบบริษัทสนเงินมากกว่าความปลอดภัย

Thaiger

‘มาเลเซีย’ แซงขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถอาเซียน ด้านไทยเริ่มฟื้น แต่ค่ายญี่ปุ่นทยอยถอนตัว

กรุงเทพธุรกิจ

อินเดียสวนตะวันตก ชี้ “สหรัฐ-อียู” ยังซื้อสินค้ารัสเซียในช่วงสงครามยูเครน

เดลินิวส์

หวยออก 2 ชาติแรก! ‘แซมเบีย-มาลาวี’ ยื่นวีซ่าสหรัฐ วางเงินประกัน 4.8 แสน

MATICHON ONLINE

นศ.แพทย์สาวหน้าคล้าย "ต้าเอส" โด่งดังชั่วข้ามคืน! เจอดราม่าจนเดือด-ลบรูปทิ้ง

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

ออสเตรเลียสั่งซื้อเรือรบรุ่นใหม่จากญี่ปุ่น 11 ลำ

TNN ช่อง16

รัฐบาล"ญี่ปุ่น" จ่ออัดฉีดงบครั้งใหญ่ บรรเทาผลกระทบ "ภาษีทรัมป์" คาดสูง 10 ล้านล้านเยน

TNN ช่อง16

คนงานญี่ปุ่นตกท่อระบายน้ำ เสียชีวิต 4 ราย

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...