บราซิลมั่นใจ รับมือภาษีทรัมป์ 50% ได้สบาย หลังจีนหนุน-ได้สิทธิยกเว้นเพียบ
ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิลในอัตราสูงถึง 50% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราภาษีที่สูงที่สุดที่เคยถูกกำหนดในยุคของทรัมป์ หลายฝ่ายจับตาว่ามาตรการนี้จะกระทบเศรษฐกิจของบราซิลหรือไม่ ทว่าเสียงตอบรับจากบราซิเลียกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถรับมือได้อย่างสบาย ด้วยเหตุผลสำคัญคือการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีจำนวนมาก และการมีพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่งกับจีน
ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ยอมให้ภาษีครั้งนี้กลายเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง โดยเขาถึงขั้นเปรียบเทียบมาตรการของทรัมป์ว่าเป็น “การขู่กรรโชก” และยืนยันว่าบราซิลไม่ใช่ประเทศที่ยอมถูกกดดันจากจักรพรรดิผู้ไม่พึงประสงค์ พร้อมทั้งปฏิเสธข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่เชื่อมโยงการพิจารณาคดีของจาอีร์ โบลโซนาโร อดีตผู้นำฝ่ายขวา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพยายามล้มผลการเลือกตั้งปี 2022 กับข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศ
แม้บราซิลจะเปิดรับการเจรจา แต่ความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดจากการควบคุมตัวโบลโซนาโร และความพยายามของลูลาในการปกป้องอธิปไตยของตุลาการ อาจทำให้การเจรจาเรื่องภาษีครั้งนี้ล่าช้าและซับซ้อนกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราซิลกลับมีแนวโน้มต่ำกว่าที่หลายฝ่ายกังวล
ข้อมูลจากทางการบราซิลระบุว่า สินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่นี้มีเพียง 36% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากคำสั่งบริหารของทรัมป์ได้ยกเว้นสินค้าหลายรายการ เช่น เครื่องบิน พลังงาน และน้ำส้ม ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ลดคาดการณ์ผลกระทบต่อ GDP ลงอย่างชัดเจน เช่น ลูอิซา พีเนเซ นักเศรษฐศาสตร์จาก XP ที่ปรับลดผลกระทบต่อ GDP ปีนี้ลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 0.15 จุดเปอร์เซ็นต์
โกด์แมน แซคส์ ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจบราซิลจะขยายตัวได้ 2.3% ในปีนี้ โดยชี้ว่าการยกเว้นภาษีจำนวนมากและมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งคาดว่าจะประกาศในเร็ว ๆ นี้ จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
อีกหนึ่งจุดแข็งของบราซิลคือการกระจายความเสี่ยงด้านการค้าระหว่างประเทศ ไม่ได้พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก ต่างจากเม็กซิโกและแคนาดาที่มีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ สูงถึง 75% ขณะที่บราซิลส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 12% และส่งออกไปจีนถึง 28% โดยมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในรอบ 10 ปี
ไซโมน เทเบต รัฐมนตรีวางแผนของบราซิล ระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าเกษตรของประเทศอยู่ในเอเชีย เทียบกับเพียง 10% กับสหรัฐฯ ขณะที่อุตสาหกรรมการส่งออกมีสัดส่วนไปเอเชียมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 4 เท่า ซึ่งสะท้อนการพึ่งพาเศรษฐกิจเอเชียอย่างชัดเจน
อีกทั้งข้อมูลจากธนาคารโลกยังชี้ว่า บราซิลเป็นประเทศที่เปิดการค้าน้อยกว่าประเทศเศรษฐกิจใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ โดยการส่งออกและนำเข้าในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรวมกันเพียง 36% ของ GDP ซึ่งน้อยกว่าครึ่งของเม็กซิโกและประเทศเพื่อนบ้านอย่างปารากวัย และเพียงหนึ่งในสี่ของประเทศที่เน้นการค้าอย่างไทยและมาเลเซีย
หลายฝ่ายประเมินว่า สินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบ เช่น เนื้อวัวและกาแฟ จะสามารถหาตลาดใหม่ได้ แม้ต้องลดราคาลงบ้างก็ตาม ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าในระยะสั้น หากมีสินค้าอาหารมากขึ้นภายในประเทศ ก็อาจช่วยกดดันเงินเฟ้อให้ลดลง และเปิดทางให้ธนาคารกลางผ่อนคลายนโยบายการเงินได้เร็วขึ้นจากระดับดอกเบี้ย 15% ที่ยังคงตึงตัวมากในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลว่าหากมาตรการช่วยเหลือจากรัฐไม่ครอบคลุมหรือเจาะจงให้ถูกจุด อาจกระทบต่อภาคธุรกิจและการจ้างงานในบางกลุ่มได้ โดยลูอิส โอตาวิโอ เลอัล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก G5 Partners เตือนว่า แม้มีการยกเว้นภาษีให้กับสินค้ากว่า 700 รายการ แต่บราซิลส่งออกสินค้าหลากหลายถึง 4,000 รายการไปยังสหรัฐฯ ทำให้ยังมีภาคธุรกิจอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง
ธนาคารกลางบราซิลเองก็ระบุว่า มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ อาจส่งผล “สำคัญ” ต่อบางภาคส่วน ขณะที่ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาและมุมมองของตลาด
ฟลาวิโอ อาทาลิบา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย FGV ชี้ว่า ผลกระทบของภาษีจะไม่กระจายอย่างเท่าเทียมทั่วประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีสินค้าส่งออกมูลค่าต่ำและใช้แรงงานเข้มข้น เช่น ผลไม้สด อาหารทะเล สิ่งทอ และรองเท้า ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีและต้องแบกรับภาระภาษีเต็ม 50%