"ทักษิณ" ขึ้นเวทีใหญ่ ปาฐกถาปลดล็อกอนาคตไทย ระบุนักร้องทำให้ประเทศล้าหลัง
ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ ในงานเสวนาปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) ของ อสมท. โดยมีคนการเมือง และภาคธุรกิจแห่ร่วมงาน เช่น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคู่สมรส นายปิฎก สุขสวัสดิ์, นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี รวมถึง นายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ
ขณะที่กลุ่มรัฐมนตรีส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรือง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุชาติ ตันเจริญ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ขณะที่รัฐมนนรีต่างพรรคมีพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภาคธุรกิจ เช่น นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
โดยวันนี้นายทักษิณขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤติโลกและพลิกเกมเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต โดยระบุตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยนักร้องมากแต่ทำให้ประเทศล้าหลัง
กัมพูชาน่าแปลกใจแต่คนไทยบางส่วนกลับยืนข้างเขา
นายทักษิณกล่าวต่อว่า หลายปัญหาในประเทศยังคงอยู่กับที่ บางเรื่องเลวร้ายลงแม้จะเคยพูดถึงมาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเน้นว่า ประเทศไทยยังขาด “ความเชื่อมั่นในกันและกัน” และไม่สามารถรวมพลังเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจ ผู้นำเขมรไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างเขา ผมก็งงว่าทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน” นายทักษิณกล่าว พร้อมตั้งคำถามต่อบางพรรคการเมืองที่เพิ่งพ้นจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า “ตกลงเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” หลังออกมาตำหนิลูกสาวตนว่า “ขายชาติ”
เตือนการเมืองไร้เสถียรภาพซ้ำรอยยุครัฐบาลคึกฤทธิ์
อดีตนายกฯ ยังกล่าวถึงปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบันว่า ขาดเสถียรภาพคล้ายกับช่วงรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อ 51 ปีก่อน ซึ่งทำให้ประเทศหยุดนิ่งทางพัฒนา โดยเขาย้ำว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร “บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
เขาย้อนถึงรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่าเป็นฉบับประชาชน และการเลือกตั้งในยุคพรรคไทยรักไทย ที่ใช้การ “ขายนโยบาย” อย่างสร้างสรรค์ แต่หลังการรัฐประหาร ทุกอย่างกลับถอยหลัง ซึ่งส่งผลให้การเมืองปัจจุบันต้องพึ่งพารัฐบาลผสมหลายพรรค ที่มักขาดเอกภาพ
“ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ต้องทำงานต่อ ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องเข้ามาเสริมสร้างให้ภาคเอกชนแข็งแรง” นายทักษิณกล่าว
ยกรัฐธรรมนูญปี 2540 ดีที่สุด – จวกปฏิวัติถ่วงพัฒนาการเมือง
อดีตนายกฯ ย้ำว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นฉบับที่ดีที่สุด เพราะมาจากเจตจำนงของประชาชนแท้จริง และส่งเสริมเสถียรภาพของรัฐบาล “วันนี้เราถอยหลังเพราะการปฏิวัติทางการเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเมืองล้มกันไปล้มกันมา ไม่มีเสถียรภาพ บ้านเมืองไม่เดินหน้า”
ยัน “แพทองธาร” ยังทำงาน – ขอสวมบท “เสมียนประเทศ” หนุนเต็มที่
นายทักษิณปฏิเสธกระแสข่าวเปลี่ยนรัฐบาลหรือเปลี่ยนนายกฯ โดยย้ำว่า “แพทองธารยังเป็นนายกฯ ต่อไป ผมแค่ขอเป็นเสมียนประเทศ ส่งข้อมูลทั้งหมดให้รัฐบาล เพื่อช่วยผลักดันนโยบายที่ดี ผมเสี่ยงเพื่อบ้านเมืองมาแล้ว ไม่เคยกลัว”
ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับไทย – ใครโดนปล้น-ฆ่า รับผิดชอบเอง
ในประเด็นฟื้นฟูการท่องเที่ยว นายทักษิณเผยเตรียมเดินทางไปจีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น “ใครมาเที่ยวเมืองไทยแล้วโดนปล้นหรือโดนฆ่า ผมจะรับผิดชอบเอง จ่ายเงินสดให้เลย” พร้อมเสนอแนวคิด Smart City ด้วยกล้องวงจรปิดทั่วเมือง เพิ่มความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
ดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ – ปัด “มอมเมา” สวนกลับคนวิจารณ์
นายทักษิณยังกล่าวถึงแนวคิด “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ว่าไม่ใช่แค่บ่อนคาสิโน แต่เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวที่ต้องลงทุนและมีระบบควบคุม “คนพูดว่ามอมเมา ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย พูดมากน่ารำคาญ อยากให้เข้าใจก่อนวิจารณ์”
เปิดประเทศรับคริปโทฯ ใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน
นายทักษิณเผยว่า ตนได้หารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการขยายพื้นที่ทดลองใช้คริปโทเคอร์เรนซี (Crypto Sandbox) จากเดิมที่จำกัดในจังหวัดภูเก็ต ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใน 3 เดือนข้างหน้า
“ประชาชนสามารถใช้คริปโทฯ เช่น บิตคอยน์ หรืออีเธอเรียม จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน หรือซื้อสินค้าในห้างอย่างเซ็นทรัลได้ หากใช้ไป 5 แสนบาท ก็สามารถแปลงกลับเป็นเงินบาทได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวน” นายทักษิณกล่าว
เขาชี้ว่า กลุ่มที่ถือคริปโทฯ ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้สูง การเปิดกว้างให้ใช้คริปโทฯ อย่างเสรี จะดึงเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้อย่างมหาศาล
ดีลภาษีกับสหรัฐฯ คืบหน้า – รัฐบาลไทยไม่ยอมเสียเปรียบ
นายทักษิณระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งสินค้าที่ผลิตในไทยส่งออกไปสหรัฐฯ และสินค้าสหรัฐฯ ที่ผลิตในไทยเพื่อส่งกลับไป ซึ่งเป็นโมเดลที่ “ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์”
เขาเน้นว่า สินค้ากลุ่มเกษตรกรรม SMEs และอัญมณีเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบบ้าง แต่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กำลังกำกับดูแลการเจรจาอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่เจรจา
“ดีลไม่มีวันจบ หากยังไม่พอใจก็เจรจากันต่อไป การเจรจาเศรษฐกิจต้องยืดหยุ่น และต่อรองต่อเนื่องได้” นายทักษิณ กล่าว
เตือนจีดีพีไทยโตต่ำกว่าโอกาส – เสนอแก้หนี้ครัวเรือนผ่าน AMC แยกอิสระ
นายทักษิณยังกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังโต “ต่ำกว่าศักยภาพ” โดยประมาณการว่า หากไทยบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพ จีดีพีควรอยู่ที่ 900,000 ล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ 600,000 ล้านดอลลาร์เช่นปัจจุบัน
เขาเสนอให้จัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ใหม่ โดยแยกจากสถาบันการเงิน เพื่อรับซื้อหนี้ครัวเรือนออกจากระบบ ลดภาระประชาชน และฟื้นกำลังซื้อ
“ถ้าเราตั้ง AMC ที่มีเป้าหมายชัดเจน ซื้อหนี้ครัวเรือนออกมา ก็จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่อได้และเพิ่มศักยภาพการใช้จ่ายของประชาชนได้จริง”
ห่วงแบงก์พาณิชย์ขาดแรงขับ – จีนทุ่มตลาดสินค้าราคาถูก
เขายังวิจารณ์ว่า แบงก์พาณิชย์ไทยยัง “เสี่ยงต่ำเกินไป” เพราะธปท. กลัวเกิดวิกฤตแบบปี 2540 จึงทำให้ธนาคารไม่กล้าเสี่ยง ส่งผลให้ธุรกิจใหม่ๆ เติบโตช้า ขณะเดียวกันสินค้าจีนจำนวนมากก็เข้ามาทุ่มตลาดโดยไม่ได้มาตรฐาน เช่น ไม่ผ่าน อย. หรือไม่ได้รับ มอก.