Mobility Data เปลี่ยนเมืองรองเป็น ‘เมืองน่าเที่ยว’ สร้างรายได้จากรากวัฒนธรรม
ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 การท่องเที่ยวไทยมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 19% ต่อจีดีพี และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึงเกือบ 40 ล้านคนต่อปี แต่หลังโรคระบาดผ่านไป อัตราการฟื้นตัวของไทยกลับยัง “ติดลบ” อยู่ที่ -12%
ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ต่างพัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวใหม่ที่เน้นคุณค่าและความหมาย ไม่ใช่ปริมาณนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
ภาวะ over-tourism ที่ทำลายสมดุลของเมืองใหญ่ เป็นปัญหาที่หลายประเทศเริ่มตระหนัก และหันไปสู่การกระจายนักท่องเที่ยวออกสู่เมืองรองหรือชุมชน แต่คำถามคือ การกระจายแบบไหนที่ไม่ใช่แค่ผลักคนไปที่อื่นโดยไม่มีระบบรองรับ?
ดังนั้น ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ สถาบันวิชาการ และภาคเอกชน นำโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น และสตาร์ตอัป Cloud and Ground จึงร่วมแก้ปัญหาเพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวไทย ผ่าน “Mobility Data” หรือข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนที่ได้จากการใช้งานโทรศัพท์มือถือ
Cluster Tourism: ปรับภูมิศาสตร์สู่เศรษฐกิจใหม่
Mobility Data ตั้งอยู่บนแนวคิด “Cluster Tourism” หรือการท่องเที่ยวแบบกลุ่มพื้นที่ ซึ่งนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์รูปแบบการเดินทางของผู้คนกว่า 500 ล้านทริปในช่วงปี 2566 - 2567 เพื่อระบุเส้นทางท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้วในชีวิตจริง จากนั้นนำมาพัฒนาเป็นเส้นทางส่งเสริมเศรษฐกิจในชื่อ Routes to Roots หรือ “เส้นทางสู่ราก” ที่เน้นความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ และพฤติกรรมผู้คน
โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการใช้ข้อมูลทางเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนวิธีคิดและการจัดการนโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาอาศัยเพียงมุมมองจากบนลงล่าง การกำหนดเส้นทางหรือกิจกรรมท่องเที่ยวมักไม่สอดคล้องกับชีวิตจริงของผู้คนในพื้นที่ และไม่สามารถกระจายผลประโยชน์ได้อย่างเป็นธรรม
นี่จึงไม่ใช่การกำหนดเส้นทางจากบนโต๊ะ แต่เป็นการมองเส้นทางจาก “พฤติกรรมจริงของผู้คน” แล้วเสริมคุณค่าให้กลายเป็น Cluster Tourism หรือ “การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์” ที่แต่ละเมืองในเส้นทางต่างมีบทบาทชัดเจน ทั้งเมืองศูนย์กลาง เมืองบริวาร และเมืองเสริม
21 คลัสเตอร์ท่องเที่ยว
จากข้อมูล Mobility Data ของทรู คอร์ปอเรชั่น พบว่า มีอย่างน้อย 21 กลุ่มเส้นทางที่ผู้คนมักเดินทางเชื่อมต่อกันอยู่แล้ว เช่น เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน, เพชรบุรี-ประจวบฯ-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม, ขอนแก่น-ชัยภูมิ เป็นต้น
โดยแต่ละกลุ่มประกอบด้วย “เมืองศูนย์กลาง” “เมืองบริวาร” และ “เมืองส่งเสริมพิเศษ” ที่สามารถออกแบบนโยบายแบบเฉพาะพื้นที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพร่วมกันได้
เงื่อนไขสำคัญในการทำให้คลัสเตอร์เกิดขึ้นจริง มีอยู่ 5 ข้อ ได้แก่
- ต้องมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์
- มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่ชัดเจน
- เห็นบทบาทของแต่ละจังหวัดในเครือข่าย
- ต้องจัดการกับความหนาแน่นหรือผลกระทบจากนักท่องเที่ยว
- สามารถต่อยอดและกระจายสู่พื้นที่ใหม่ได้
‘Routes to Roots’ รากวัฒนธรรมคือทุนของชุมชน
การออกแบบ 6 เส้นทางนำร่องของโครงการ Routes to Roots โดย The Cloud ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงจุดเช็กอิน แต่เน้น “เรื่องเล่า” และ “รากวัฒนธรรม” ที่เชื่อมโยงการเดินทางเข้ากับความเข้าใจพื้นที่ แบ่งออกเป็น
- Food Route (จันทบุรี-ตราด): อาหารพื้นบ้านที่เกิดจากวัตถุดิบเฉพาะถิ่น เช่น เร่ว กระทือ ขิงแก่
- Volcano Route (บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ): วัฒนธรรมบนเส้นทางภูเขาไฟเก่าแก่
- Flavor Route (สมุทรสาคร-เพชรบุรี-ประจวบฯ): เรียนรู้แหล่งวัตถุดิบครัวไทย เช่น เกลือ น้ำตาลโตนด มะพร้าว
- Lanna Route (เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง): ประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจล้านนากว่าพันปี
- Nature Route (นครศรีฯ-พัทลุง): เส้นทางธรรมชาติของภาคใต้
- River Route (สุพรรณฯ-อุทัยฯ-ชัยนาท): วัฒนธรรมแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตชุมชน
แต่ละเส้นทาง ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพิ่มรายได้หรือยอดนักท่องเที่ยว แต่เพื่อกระจายโอกาสไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยได้รับความสนใจ
วิทยาศาสตร์เพื่อคนทั้งประเทศ
ศ.ดร. คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า โครงการนี้สะท้อนแนวทางใหม่ที่ “วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของภาคธุรกิจใหญ่หรือเมืองหลวงเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะในระดับพื้นที่ กระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนตัวเล็กในระบบเศรษฐกิจ
“วิทยาศาสตร์ไม่ควรเป็นเรื่องของคนกลุ่มเดียว แต่นี่คือตัวอย่างของ SRI for All – วิทยาศาสตร์เพื่อคนทั้งประเทศ” ศ.ดร.คมกฤต กล่าว
ด้านเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัลทรู ระบุว่า ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในระดับ aggregate สามารถใช้เพื่อการออกแบบการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน จัดการทรัพยากรการเดินทาง และวางแผนความปลอดภัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล