เงินบาทเช้านี้ 5 ส.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 32.30 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.29-32.48 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งสามารถปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น 3,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเดินหน้าปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสถึง 98% ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน และมีโอกาสราว 52% ที่จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ สอดคล้องกับ ถ้อยแถลงล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Mary Daly (San Francisco Fed) ที่ระบุว่า เฟดอาจจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย "มากกว่า 2 ครั้ง" ในปีนี้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทนั้นมีกำลังมากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกับกดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยง Two-Way risk (พร้อมปรับตัวได้ทั้งสองทิศทาง แข็งค่าต่อ หรือ พลิกกลับมาอ่อนค่าลง) ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเรามองว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาจยังไม่ได้เลวร้ายมากนัก อย่างที่ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดสะท้อนออกมา และเรามองว่า การจ้างงานที่แย่ลงในช่วงหลายเดือนก่อนนั้น ก็อาจเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จนทำให้ภาคธุรกิจชะลอการจ้างงานลง เพื่อรอความชัดเจน
ซึ่งล่าสุด ทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็มีความชัดเจนมากขึ้น หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า ทำให้เรามองว่า ภาคธุรกิจสหรัฐฯ อาจเริ่มกลับมาจ้างงานมากขึ้นในระยะข้างหน้าได้
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะทยอยเห็นชัดในรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และ PCE ในระยะข้างหน้า ทำให้ เราคงมองว่า เฟด อาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ยลงอย่างที่ตลาดคาดหวังได้ (แต่ยอมรับว่า ความเสี่ยงเฟดลดดอกเบี้ยเร็วและมากกว่าคาด ก็เพิ่มสูงขึ้น) ซึ่งเราจะรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงาน อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะรับรู้ รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เพิ่มเติม
โดยหากเฟดย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ซึ่งต้องติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และงานสัมนาประจำปีของเฟด ที่เมือง Jackson Hole รัฐ Wyoming ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม อีกทั้ง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาสดใส และรายงานอัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะกลับมาหนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้ กดดันราคาทองคำและเงินบาท
นอกจากนี้ เรามองว่า แม้เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า หลังราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยเฉพาะหากบรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) โดยหากประเมินจากความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับราคาทองคำ เรามองว่า หากราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 3,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วไม่ผ่าน เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นราว 15-20 สตางค์ และอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เงินบาทเช้านี้ 4 ส.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์
- 3 สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบชายแดน
- เงินบาทเช้านี้ 25 กรกฎาคม 2568 อ่อนค่าลงเล็กน้อย เปิดตลาดที่ 32.28 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 24 กรกฎาคม 2568 เปิดตลาดทรงตัว ที่ 32.16 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 23 กรกฎาคม 2568 “แข็งค่า” เปิดตลาด 32.17 บาท/ดอลลาร์