ภาษีใหม่สหรัฐฯ สะเทือนวงการแฟชั่น แบรนด์ดัง Uniqlo – Adidas แห่ขึ้นราคาหนีขาดทุน
แบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ Uniqlo และ Adidas กำลังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่เตรียมเก็บภาษีนำเข้าเสื้อผ้าจากประเทศในเอเชีย เช่น เวียดนาม กัมพูชา และบังกลาเทศ ในอัตราสูง ส่งผลให้ทั้งสองแบรนด์อาจต้องขึ้นราคาสินค้าในตลาดสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
Bjorn Gulden ซีอีโอ Adidas กล่าวว่า เวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของ Adidas เน้นส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 20% แน่นอนว่าในช่วงไตรมาสล่าสุด บริษัทได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ ไปแล้วหลายสิบล้านยูโร และเมื่อภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ อาจทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นถึง 200 ล้านยูโรในปีนี้
เช่นเดียวกับ ทาเคชิ โอกาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับราคาสินค้าอย่างยืดหยุ่น ตามต้นทุนภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อรักษาสมดุลกัน โดยปัจจุบัน Uniqlo มีร้านในสหรัฐฯ 74 สาขา และสินค้าผลิตที่โรงงานในเวียดนาม 60 แห่ง
ตามด้วยโรงงานในบังกลาเทศ 27 แห่ง และกัมพูชา 19 แห่ง นอกจากนี้ Uniqlo จะทยอยเพิ่มสต็อกสินค้าในสหรัฐฯ ล่วงหน้าเพื่อรับมือกับภาษีนำเข้าใหม่ที่จะมีผลปรับใช้เร็วๆ นี้ ส่วนคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่จะนำเข้าหลังจากนี้จะต้องเผชิญภาษีสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ต้องขึ้นราคาสินค้าบางรายการ
ทั้งนี้ จากรายงานจากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2023 สหรัฐฯ นำเข้าเสื้อผ้าจากต่างประเทศมูลค่ารวม 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของการนำเข้าเสื้อผ้าทั่วโลก โดยเวียดนามครองสัดส่วน 18% ของการนำเข้า ขณะที่จีนยังครองแชมป์ที่ 21%
ไม่ใช่แค่ Adidas เท่านั้นแต่จะขึ้นราคา แต่ยังรวมไปถึงแบรนด์คู่แข่ง Nike ที่มีฐานผลิตรองเท้าในเวียดนามกว่า 50% และในอินโดนีเซีย 27% บริษัทชี้แจงว่าถ้าไม่ขึ้นราคาอาจจะต้องแบกรับต้นทุนภาษีสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์
ในขณะที่ Gap แจ้งว่านโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ อาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม 250-300 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ Puma ล่าสุดได้ปรับลดคาดการณ์กำไรเป็นขาดทุนจากผลกระทบภาษีถึง 80 ล้านยูโร ส่วน H&M ก็เตรียมพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ เช่นกัน
อ้างอิง: